xs
xsm
sm
md
lg

“นาซ่า ฟอร์ซ่า” เล็กดี ราคาสมตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“นาซ่า” อีกหนึ่งแบรนด์น้องใหม่ของค่ายรถยนต์จากมาเลเซีย ที่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มยนตรกิจ ด้วยการเปิดตัวรถเล็ก “ฟอร์ซ่า” กับราคาสุดแสนยั่วใจเพียง 3.49 แสนบาท ในรุ่นสแตนดาร์ต และ 3.79 แสนบาท สำหรับรุ่นสปอร์ต (ฟูลออพชั่น) เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์นั่งที่เปิดตัวมาราคาถูกที่สุดของตลาดเมืองไทย

ซึ่งก็ได้รับการตอบสนองจากผู้บริโภคชาวไทยช่วงเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา ด้วยยอดจองถึงกว่า 500 คัน และเริ่มส่งมอบรถให้กับลูกค้าแล้วประมาณร้อยกว่าคัน ส่วนที่เหลือกำลังอยู่ระหว่างการทยอยส่ง

ในระหว่างนี้ เพื่อกระตุ้นการรับรู้ของผู้บริโภคอีกครั้ง “นาซ่า” จัดกิจกรรม ให้สื่อมวลชนทดสอบรถ “ฟอร์ซ่า” ขึ้นโดยเลือกใช้สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ในการทดสอบ และเรา “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ไม่พลาด

แม้ว่าโดยความเห็นส่วนตัวของเราจะรู้สึกว่าการเอารถเล็กๆ มาขับในสนามแข่งเพียงไม่กี่รอบ แล้วคงจะไม่สามารถตอบคำถามเรื่องการใช้งานของผู้บริโภคได้ เนื่องจากการทดสอบไม่ตรงกับการใช้งานจริง แต่ถ้ามองในแง่ดี ถือเป็นโอกาสหนึ่งที่จะลองขับแบบขีดสุดสมรรถนะ แบบความปลอดภัยที่สุด

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับพระเอกของงานกันสักเล็กน้อย “นาซ่า ฟอร์ซ่า” เป็นรถแบบซิตี้คาร์ 5 ประตู (แฮตช์แบ็ค) เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2006 โดยใช้ชื่อรุ่นว่า ซุเทร่า (Sutera) หลังจากนั้นได้รับการปรับเปลี่ยนและเปิดตัวใหม่ในชื่อ ฟอร์ซ่า (Forza) ซึ่งเป็นภาษาอิตาลี แปลว่า GO หรือ Charge หมายถึงการบุกเข้าไปหรือจู่โจม

โดย นาซ่า ฟอร์ซ่า พัฒนามาจากรถยนต์ของ HAFEI รุ่น โลโบ (Lobo) ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือของนาซ่าและบริษัทรถยนต์ของประเทศจีน Hafei Motor Company รูปทงภายนอกได้รับการออกแบบจากสถาบันออกแบบรถยนต์ชื่อดังของยุโรป พินินฟารินา (Pininfarina)

ขณะที่ช่วงล่างและระบบกันสะเทือนได้ โลตัส เอนจิเนียริ่ง (Lotus Engineering) ผู้เชี่ยวชาญด้านช่วงล่างจากประเทศอังกฤษ เป็นผู้ออกแบบให้ ส่วนเครื่องยนต์อาศัยเทคโนโลยีจากค่ายมิตซูบิชิ ประเทศญี่ปุ่น และระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมการจุดระเบิดและจ่ายน้ำมันเป็นของ บอช (Bosch) จากประเทศเยอรมัน

ซึ่งนาซ่า ฟอร์ซ่า ผลิตและประกอบโดยโรงงานประกอบรถยนต์ Nam ในประเทศมาเลเซีย ภายใต้มาตรฐานเดียวกันกับการส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ ทั้งในเอเชียและยุโรป เช่น อังกฤษ, บรูไน, สิงคโปร์, อินโดนิเซีย, เนปาล, และปากีสถาน เป็นต้น

สำหรับการทดสอบนั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนคือในสนาม ทีมงานให้เราขับรอบสนามจำนวน 3 รอบ และวางกรวยยางดักไลน์เอาไว้ ส่วนช่วงทางตรงยาว วางกรวยยางเพื่อขับแบบสลาลม และนอกสนาม ขับตามเส้นทางถนนจริงรอบบึง เป็นระยะทางประมาณ 4 กม. โดยใช้รถ นาซ่า ฟอร์ซ่า รุ่นฟูลออพชั่น ทุกคัน

ในสนาม ความรู้สึกแรกหลังเข้านั่งหลังพวงมาลัย อุปกรณ์ต่างๆ ส่วนใหญ่ดูดี มีบ้างบางชิ้นที่ยังไม่เรียบร้อยและวัสดุดูราคาประหยัด เบาะนั่งสบายมีพื้นที่ช่วงศรีษะเหลือเฟือสำหรับคนสูงประมาณ 170 กว่า ห้องโดยสารกว้างขวางกว่าที่คาดไว้ เบาะนั่งหลังนั่งสบายมีพื้นที่เหลือเช่นกัน


และเมื่อขับขี่เรียบร้อยพบว่า เจ้าฟอร์ซ่า ช่วงล่างนุ่ม เกียร์ธรรมดา 5 สปีดเข้าง่ายต่อเนื่อง เบรกเอาอยู่ อัตราเร่งสมตัวกับพิกัดกำลังขนาด 1.1 ลิตร แรงม้าสูงสุด 65 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 88 นิวตัน-เมตร ที่พัฒนามาจากเครื่องยนต์ของมิตซูบิชิ ความเร็วสูงสุดที่เราขับคือ 100 กม./ชม. ช่วงสลาลม ฟอร์ซ่า โยนตัวน้อยกว่าที่คาดไว้ วิ่งผ่านด้วยความเร็วประมาณ 50 กม./ชม. ยังควบคุมรถอย่างมั่นใจ ถือว่าประทับใจไม่น้อย

ส่วนนอกสนาม เราขับแบบสบายๆ เก็บเสียงรบกวนดี ต้องวิ่งเกิน 110 กม./ชม. จึงจะเริ่มมีเสียงเครื่องดังเข้ามา ส่วนเสียงลมมีเพียงเล็กน้อย เราลองขับความเร็วสูงสุดได้เต็มที่ 120 กม./ชม. (สุดแค่นั้นจริงๆ) ขณะที่นาซ่า เคลมไว้ 130 กม./ชม. ซึ่งในการลองช่วงถนนจริงที่ต้องเจอกับรถสิบล้อ-รถพ่วง พบว่า ไม่ควรจะวิ่งใกล้ๆ หรือเร่งแซง หรือคิดจะตัดหน้า เนื่องจาก รถมีขนาดเล็ก เขาจะมองไม่เห็นและกำลังของรถมีน้อย ไม่พอเร่งแซงในจังหวะฉุกเฉิน

สุดท้าย เราคงสรุปแบบฟันธงไม่ได้ เนื่องจากมีโอกาสขับเพียงเล็กน้อย แต่อยากบอกคร่าวๆ ว่า ด้วยราคาถูก ออพชั่นเพียบ และคุณภาพสมราคาแบบนี้ จะเป็นสุดยอดทีเด็ดในการเรียกลูกค้าของ “นาซา ฟอร์ซ่า” ส่วนเรื่องความเชื่อมั่นและบริการหลังการขายชื่อชั้นของ “ยนตรกิจ กรุ๊ป” คงจะพอการันตีได้ในระดับหนึ่ง


ทั้งนี้สำหรับนาซ่า รุ่นสปอร์ต จะได้รับการตกแต่งอุปกรณ์เพิ่มจากรุ่นสแตนดาร์ตจำนวน 11 รายการ เช่นถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ล้ออัลลอย, กระจกมองข้างไฟฟ้า, สปอร์ตไลท์, เซ็นทรัลล็อค, ไฟเบรกดวงที่ 3, เซ็นเซอร์ถอยจอด, หัวเกียร์และปลายท่อแบบสปอร์ต, กุญแจรีโมท, เบาะหลังแยกสัดส่วน 40-60, คิ้วกันกระแทกและกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ
กำลังโหลดความคิดเห็น