xs
xsm
sm
md
lg

โปรตอน แซฟวี่ ถูกดีมีในโลก...?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศ ทั้งแบบทวิภาคีหรือพหุภาคี กลายเป็นเครื่องมือสำคัญทางการค้าในโลกทุนนิยม ยุคเศรษฐกิจเปิดหน้าแข่งขัน โดยมุ่งหวังให้ลดอัตราภาษีนำเข้าและขจัดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศนั้นๆ แน่นนอนว่ารายการสินค้าหลากหลายไม่ว่าเกษตรกรรม หรืออุตสาหกรรมต้องมีผู้ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ แต่เรื่องใครได้ใครเสียนั้น ยังเป็นประเด็นเถียงกันไม่จบ

สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์เอง ก็เห็นภาพชัดกับเขตการค้าเสรีอาเซียน(AFTA) โดยประเทศในกลุ่มสมาชิกจะเสียภาษีนำเข้ารถยนต์(หนึ่งในรายการสินค้าที่ได้รับสิทธิ์)เพียง 5% ซึ่งรถยนต์หลายรุ่นหลากยี่ห้อจากเมืองไทยสามารถเข้าไปเจาะตลาดทั่วอาเซียน เช่นเดียวกับ ฟอร์ด โฟกัส-เอสเคป มาสด้า 3 (ฟิลิปปินส์) โตโยต้า อินโนวา-อแวนซา (อินโดนีเซีย) รวมถึงแบรนด์มาเลเชียอย่างโปรตอน หรือล่าสุดนาซ่า ก็เข้ามาขายในบ้านเราได้อย่างเสรี

ค่ายรถยนต์แห่งชาติมาเลเซีย‘โปรตอน’โดยบริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในไทย สบช่องทางดังกล่าว ตัดสินใจนำเข้าเก๋ง 3 รุ่นรวดทั้ง แซฟวี่ เซนทรา นีโอ และเจน-ทู โดยเปิดตัวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ขณะเดียวกันการหาช่องว่างโปรดักต์ในตลาด และการตั้งราคา (Pricing) ที่สามารถแข่งขันได้ ทำให้ถึงไตรมาสแรกปีนี้โปรตอนฟันยอดขายรวมทุกรุ่นกว่า 1,500 คันแล้ว

“แซฟวี่” คือรุ่นที่ขายดีสุดอย่างไม่ต้องสงสัย กับราคาเริ่มต้นเพียง 3.99 – 4.69 แสนบาท ในสามรุ่นย่อย พร้อมตัวถัง 5 ประตู ขนาดกะทัดรัด หน้าตาน่ารักน่าชัง ปลายท่อไอเสียสเตนเลสโผล่กลางกันชนท้ายดูมีสไตล์ ไฟหน้าลงทุนด้วยเลนส์แบบมัลติรีเฟลกเตอร์ พร้อมล้ออัลลอยลาย 6 ก้านขนาด 15 นิ้ว (เฉพาะรุ่นท็อป)

ภายในมามาดขรึมเน้นโทนสีดำ แต่ด้วยคุณภาพวัสดุทั้งแผงแดชบอร์ดหน้า พวงมาลัย ที่พอสัมผัสได้ยังรู้สึกไม่ละมุนมือ เมื่อเทียบกับรถยนต์ญี่ปุ่นรุ่นตลาด ขณะที่เบาะผ้านั่งสบายปรับได้เพื่อความเหมาะสม แต่พวงมาลัยปรับระดับไม่ได้ กระจกคู่หน้าปรับไฟฟ้าส่วนด้านหลังสองบานเป็นมือหมุน และตามสไตล์รถ 5 ประตู เบาะหลังสามารถพับได้ 50: 50 เพื่อความอเนกประสงค์ ด้านระบบความปลอดภัยระดับเบรก ABS กระจายแรงเบรก EBD ถุงลมนิรภัยคู่หน้า และเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติมีมาให้เฉพาะรุ่นท็อป ไฮด์ ไลน์ เกียร์อัตโนมัติ เท่านั้น

สำหรับการทดสอบ“ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ได้รุ่นท็อปมาลอง ซึ่งการนั่งหลังพวงมาลัยอาจติดขัดบ้างในช่วงแรกๆกับการปรับตำแหน่งให้เหมาะสม(กับชายสูงประมาณ 180 ซม. )ขณะที่การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารยังไม่เนียน ทั้งเสียงเครื่องยนต์ เสียงลมดังปะทะดังตั้งแต่ความเร็ว 70 - 80 กม./ชม.

อย่างไรก็ตามแซฟวี่ยังเป็นรถขับคล่อง มุดเลี้ยวสะดวก ด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 4.9 เมตร ด้านน้ำหนักพวงมาลัยเบากว่า เซนทรา นีโอ บังคับควบคุมสบายๆ ด้านช่วงล่างถ่ายทอดเทคโนโลยีจากโลตัส ยังเป็นจุดเด่นที่คุยได้ เพราะแน่นหนึบมั่นใจทุกสภาพการ แม้ความเร็วไปแตะ 120-140 กม./ชม. ตัวรถยังทรงตัวเยี่ยม และถือเป็นรถเล็กที่สมดุลพอตัว ส่วนการนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังอาจไม่กว้างขวางใหญ่โตนัก และอาจรู้สึกกระด้างเล็กน้อย

เครื่องยนต์ D4F ของเรโนลต์ ขนาด 1.2 ลิตร 74 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมเล่นเป็นเกียร์ธรรมดา หรือโปรตอนเรียกว่า AMT (Automated Manual Transmission) ตอบสนองได้พอใช้ อัตราเร่งหรือการปลดปล่อยพละกำลังไม่กระฉับกระเฉง แต่ไม่ถึงกับอืดน่าเกลียดเพราะอย่าลืมว่าน้ำหนักรถเปล่าของเซฟวี่เพียง 953-963 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความเร็วปลายลองเหยียบไปถึง 150 – 160 กม./ชม. ก็ยังพอไหว

ขณะเดียวกันเกียร์อัตโนมัติของแซฟวี่ชุดนี้ ไม่มีเกียร์ P อย่างที่เราคุ้นเคยนะครับ ซึ่งการสับคันโยกอาจสับสนในช่วงแรกๆ ทั้ง เกียร์ N,R หรือจะผลักไปเล่นเป็นเกียร์ธรรมดา ต้องใช้เวลาปรับตัวเล็กน้อย ขณะเดียวกันจุดด้อยสุดๆของ แซฟวี่ น่าจะอยู่ที่ระบบส่งกำลัง เพราะการชดเชยรอบในจังหวะเปลี่ยนเกียร์จะรู้สึกถึงการกระตุกกระฉากตลอด ตั้งแต่เกียร์ 1 – 5

จะว่าไปแซฟวี่เป็นรถที่รอบเครื่องยนต์สูงคันหนึ่งเพราะการขับประมาณ 100 -120 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์พุ่งไป 3000-3500 รอบต่อนาทีแล้ว แต่นั่นแหละครับรอบเครื่องสูงไม่ได้หมายความว่าจะซดน้ำมันเสียทีเดียว เพราะยังมีปัจจัยมากมายที่เกี่ยวเนื่อง แต่เอาเป็นว่าแซฟวี่คันนี้ให้อัตราบริโภคน้ำมันอยู่ระดับน่าพอใจ เพราะจากการขับนอกเมืองทางยาวๆ ใช้ความเร็วประมาณ 120-130 กม./ชม.ยังมีตัวเลข 16 กม./ลิตรให้เห็น

รวบรัดตัดความ...แม้แซฟวี่จะเปิดราคาเริ่มต้นในรุ่นมีเดียม ไลน์ เกียร์ธรรมดา เพียง 3.99 แสนบาท แต่คาดว่าหลายคนเวลาเดินเข้าไปโชว์รูมจริงๆ หรือฟังคำหวานจากเซลล์น่ารักของพระนครโอโตเซลล์(ยนตรการ) เชื่อแน่ว่าอาจจะควักเงินมากกว่า 4 แสน ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่าและ “ผู้จัดการมอเตอริ่ง”ขอแนะนำครับ

อย่างรุ่นท็อป ไฮด์ ไลน์ เกียร์อัตโนมัติ ราคา 4.69 แสนบาท ถือเป็นซิตี้คาร์ที่มีความคุ้มค่าต่อราคา กับออปชันพอตัว โดยเฉพาะระบบความปลอดภัยครบครัน ด้านสมรรถนะรวมๆมีทั้งจุดดีและด้อยสลับทับกันไป...ช่วงล่างโดดเด่น ขณะที่ตัวถังน้ำหนักเบา พร้อมเครื่องยนต์ D4F 1.2 ลิตร ของเรโนลต์ เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดแม้ส่งกำลังไม่ไหลลื่น แต่เมื่อรวมๆแล้วกินน้ำมันระดับจิบๆเท่านั้น

อย่างไรก็ตามด้วยความสดใหม่ของโปรดักต์ และราคาที่ดึงดูดใจ อาจทำยอดขายร้อนแรงในช่วงแรก แต่ของถูกและดี(บางอย่าง)ในโลกคันนี้ น่าจะเหมาะกับคนซื้อใช้เป็นรถบ้านยาวๆ ไม่คิดเรื่องราคาขายต่อ ขณะเดียวกันเรื่องการบริการหลังการขาย ความพร้อมด้านอะไหล่ ศูนย์บริการ ยังต้องใช้เวลาสร้างความมั่นใจอีกสักระยะ ซึ่งตรงนี้เอาไปเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจด้วยก็ดีครับ






กำลังโหลดความคิดเห็น