ข่าวในประเทศ – โตโยต้า อัดรัฐขาดนโยบายพลังงานที่ชัดเจน ทำประชาชนสับสน ฉุดยอดขายรถปิกอัพร่วง หลังราคาดีเซลแพงกว่าเบนซินพุ่งทะลุกว่า 40 บาท คาดตลาดปิกอัพทั้งปีหล่นหนัก แนะต้องมีแผนระยะสั้น กลาง และยาว พร้อมการจัดการกับราคาน้ำมันให้นิ่ง
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายรถปิกอัพเครื่องยนต์ดีเซล ขณะนี้มีสัดส่วนการจำหน่ายลดลง เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีท่าทีว่าจะลดลงแต่อย่างใด ขณะที่ภาครัฐเองก็ยังไม่มีแนวทางการแก้ปัญหาที่แน่นอน
“ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว และมีความผันผวนอยู่ทุกวัน ประกอบกับภาครัฐขาดนโยบายที่ชัดเจนเรื่องพลังงานทดแทน มีทั้งแก๊สโซฮอล์ อี20, อี85, ไบโอดีเซล และเอ็นจีวี ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนและขาดความเข้าใจ จึงไม่กล้าตัดสินใจซื้อ ”
นายวุฒิกรกล่าวว่า รัฐต้องกำหนดทิศทางนโยบายพลังงานน้ำมันให้ชัดเจน และราคาให้มีความคงที่ โดยต้องมีแผนทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว แต่ปรากฏว่าขณะนี้มีแต่ความไม่แน่นอน ซึ่งโตโยต้าเพิ่งจะตอบสนองนโยบายด้วยการทำรถที่รองรับเชื้อเพลิงอี20 ออกจำหน่ายเมื่อต้นปี และเตรียมจะแนะนำรถที่สามารถใช้เชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวีในเร็วๆ นี้ แต่ล่าสุดกลับมีเรื่องเชื้อเพลิงอี85 ออกมาอีก จนสร้างความสับสนให้กับผู้ประกอบการและประชาชนไปหมด
สำหรับแนวทางการแก้ปัญหายอดจำหน่ายรถปิกอัพตกต่ำ ขณะนี้คงยังไม่สามารถกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวได้ ต้องรอความชัดเจนจากนโยบายของภาครัฐเสียก่อนจึงจะดำเนินการต่อไป ส่วนแผนการตลาดอื่นๆ ที่เคยวางไว้ โตโยต้าได้ดำเนินการครบทุกเรื่องแล้ว
“ขณะนี้มีปัจจัยเรื่องน้ำมันดีเซลราคาสูงเพียงอย่างเดียว ที่ส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายของรถปิกอัพ ส่วนเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจไม่มีผลแต่อย่างใด หากภาครัฐกำหนดนโยบายพลังงานทดแทนให้ชัดเจน ความมั่นใจของผู้บริโภคจะกลับมา รวมถึงผู้ประกอบการจะสามารถวางแผนให้สอดรับกับทิศทางของนโยบายดังกล่าวได้อีกด้วย”
ส่วนตลาดรวมปิกอัพในปีนี้ คาดว่าจะมีสัดส่วนลดลงเมื่อเทียบกับรถเก๋ง ซึ่งจากเดิมสัดส่วนปิกอัพจะอยู่ที่ประมาณกว่า 60% น่าจะเหลือประมาณ 55% โดยสังเกตุจากยอดขายช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ยอดจำหน่ายของรถเก๋งมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น ขณะที่รถปิกอัพกลับหดตัวอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ยอดจำหน่ายรถปิกอัพวีโก้เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 วีวีทีไอ กลับมียอดจำหน่ายสูงขึ้นจนถึงขนาดรถไม่พอส่งมอบ จากเดิมเคยขายอยู่ประมาณเดือนละ 150 คัน เพิ่มขึ้นเป็น 300 คัน และปัจจุบันมียอดสูงถึงเดือนละ 500 คัน แต่ไม่สามารถส่งมอบรถได้เนื่องจากเครื่องยนต์เบนซินขาดแคลน
นายวุฒิกรกล่าต่อว่า กรณีที่ดีลเลอร์บางรายนำรถยนต์ไปติดแก๊สธรรมชาติออกจำหน่าย ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีลเลอร์สามารถทำได้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า เนื่องจากบริษัทยังไม่มีสินค้าออกมาจำหน่ายแต่ผู้บริโภคมีความต้องการ
ขณะที่แผนช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นลีโม่สำหรับแท็กซี่ ซึ่งติดตั้งก๊าซเอ็นจีวี ออกจากโรงงาน ในเดือนสิงหาคมนี้ และเตรียมนำเข้ารถยนต์รุ่น อัลพาร์ด เครื่องยนต์ 3.5 ลิตร เข้ามาจำหน่าย ภายใต้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามข้อตกลง JTEPA คาดว่าจะมีผลให้ราคาขายต่ำกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งถูกว่ารถนำเข้ามาจากผู้นำเข้าอิสระหลายแสนบาท