xs
xsm
sm
md
lg

BMW M1 Homage คืนชีพซูเปอร์คาร์รุ่นดัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เรื่องการคืนชีพของดีในอดีตให้กลับมาโลดแล่นดูเหมือนจะเป็นแนวทางที่กลับมาฮ็อตอีกครั้งหลังจากที่ 2 แบรนด์ดังแห่งเมืองลุงแซมอย่างไครสเลอร์และเชฟโรเลตพร้อมใจกันปัดฝุ่นนำชื่อแชลเลนเจอร์ และคามาโรกลับมาพัฒนาใหม่อีกครั้ง

และสำหรับการคืนชีพในครั้งนี้แม้ว่าจะยังไม่มีการคอนเฟิร์มว่าจะผลิตจริงหรือเปล่า แต่ก็ถือว่าได้รับความสนใจอย่างมากโดยเฉพาะตามเว็บไซต์ของคนรัก บีเอ็มดับเบิลยู เพราะชาวบิมเมอร์ทั้งประเภทรักแถมซื้อมาเป็นเจ้าของ หรือรักแต่ใจเพียงอย่างเดียวมีหลายล้านคนทั่วโลก โดยเรื่องของเรื่องก็คือการที่ค่ายใบพัดสีฟ้านำซูเปอร์คาร์รุ่นดังในอดีตอย่างเอ็ม1 กลับมาคืนชีพเป็นคันจริงอีกครั้ง

เอ็ม1 ใหม่มากับชื่อต่อท้ายว่า Homage ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อฉลองอายุครบ 30 ปีของซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ ซึ่งเปิดตัวในปี 1978 และขายจนถึงปี 1981 (และถือเป็นรถยนต์เครื่องยนต์วางกลางรุ่นแรกของบีเอ็มดับเบิลยู) พร้อมกับได้รับความสำเร็จทั้งในเชิงของการเป็นรถสะสมและการแข่งขันในโลกมอเตอร์สปอร์ต โดยทางบีเอ็มดับเบิลยูได้นำต้นแบบรุ่นใหม่เอี่ยมนี้ออกจัดแสดงในงานรถยนต์คลาสสิค Concorso d'Eleganza Villa d'Este 2008 ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 25-27 เมษายนที่ผ่านมา ที่โรงแรมสุดหรู Grand Hotel Villa d'Este and the Villa Erba ริมทะเลสาบโคโม ประเทศอิตาลี

สำหรับรุ่นดั้งเดิมของเอ็ม 1 ได้รับการออกแบบโดยจิออร์จิโอ จุยเจียโร แต่สำหรับรุ่นใหม่ได้รับการสร้างสรรค์โดยทีมออกแบบของบีเอ็มดับเบิลยู แต่ก็ยังยึดเลย์เอาท์เดิมของตัวรถซึ่งเป็นแบบเครื่องยนต์วางกลาง และนำเส้นสายบนตัวถังมาประยุกต์เพื่อให้ตัวรถดูมีความล้ำสมัยสมกับเป็นผลงานแห่งอนาคต

‘แน่นอนว่า เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากที่เราจะเน้นและสนใจกับรากเหง้าในความเป็นไปของผลิตภัณฑ์ในอดีต แรงบันดาลใจของจุยเจียโร และบราก (Paul Bracq-ผู้พัฒนาระบบเทอร์โบให้กับตัวรถ) ถูกนำมาสานต่อและสร้างสรรค์ต้นแบบเอ็ม 1 โฮเมจขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณค่าในด้านดีไซน์และเทคโนโลยีของบีเอ็มดับเบิลยูที่อยู่ในระดับสูงสุดของการสร้างความเร้าใจอยู่เสมอ’ คริส แบงเกิล ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของบีเอ็มดับเบิลยูกล่าว

ในเรื่องของรายละเอียดตัวรถไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่ เอ็ม 1 โฮเมจ มากับตัวถังสีส้มในโทนสี Liquid Orange ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้กับต้นแบบรุ่นนี้โดยเฉพาะ และเป็นโทนสีที่เอ็ม 1 รุ่นแรกเคยใช้ แต่มีการปรับปรุงให้ส่องประกายและมีความชัดลึกของเนื้อสีมากยิ่งขึ้น

ที่สำคัญที่ด้านท้ายของตัวถังมีการแปะโลโก้ของบีเอ็มดับเบิลยูเอาไว้ที่ฝั่งซ้ายและขวาเหมือนกับเอ็ม 1 รุ่นแรก แทนที่จะแปะอยู่ตรงกลางเหมือนกับรถยนต์ทั่วไปของค่ายนี้ ส่วนมิติตัวถังโดยรวมของตัวรถอยู่ในระดับใกล้เคียงกับรุ่นดั้งเดิม จะต่างออกไปก็ตรงที่ระยะฐานล้อ ที่ถูกขยายขึ้นเพื่อเพิ่มความกว้างขวางในส่วนของห้องโดยสาร

เมื่อเปิดตัวออกมาเรียกความสนใจขนาดนี้ ย่อมต้องมีข่าวถึงแนวโน้มในการผลิตออกสู่ตลาด เพราะในปัจจุบัน นับจากการเลิกทำตลาดของซีรีส์ 8 รวมถึงโรดสเตอร์รุ่นใหญ่อย่าง Z8 ในช่วงทศวรรษที่ 1990 บีเอ็มดับเบิลยูยังไม่มีรถสปอร์ตพันธุ์แท้อยู่ในตลาดเลย ยกเว้นซีรีส์ 6 ซึ่งก็เป็นการพัฒนาบนพื้นฐานของซีรีส์ 5

ชาวบิมเมอร์ทั่วโลกก็ได้แต่เฝ้ารอว่า งานนี้จะกลายเป็นฝันที่เป็นจริงหรือไม่ หรือว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นแค่โปรเจ็กต์สำหรับยั่วน้ำลายเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น