ข่าวในประเทศ - “ทาทา ซีนอน” ลูกค้าต่างจังหวัดตอบรับแรง จนต้องเบรกดีลเลอร์รับจอง หากไม่สามารถส่งมอบรถได้ทัน เหตุช่วงแรกผลิตได้เพียงกว่า 200 คันต่อเดือน จากกำลังการผลิตเต็มกว่า 400 คัน แต่จะค่อยๆ ปรับเพิ่มเต็มที่ในกลางปีนี้ และจะสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ หลังจากเปิดขายทั่วประเทศเป็นทางการพฤษภาคมนี้ โดยเฉพาะรุ่นดับเบิลแค็บที่ลูกค้าสนใจเกินคาด ซึ่งมีสัดส่วนเทียบกับรุ่นมีแค็บสูงถึงครึ่งต่อครึ่ง
ขณะที่บรรดาค่ายรถยนต์หน้าใหม่ทั้งหลาย ต่างอ้างตัวเลขยอดจองในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2007 และบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2008 พุ่งเกินคาด แล้วนำมาตีปี๊บประโคมข่าวกันอย่างเอิกเกริก ขณะที่ “ทาทา ซีนอน” ปิกอัพน้องใหม่จากแดนภารตะประเทศอินเดีย กลับมีข่าวคราวเงียบเหงาอย่างยิ่ง และในมอเตอร์โชว์ก็ไม่ได้รายงานยอดจองเหมือนกับยี่ห้ออื่นๆ ยิ่งทำให้ผู้คนต่างสงสัยว่า... ขายได้หรือเปล่า?
เกี่ยวกับเรื่องนี้ สมพงษ์ ผลจิตจรูญ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทาทา มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ยอดจองปิกอัพทาทา ซีนอน ไม่ได้มากมายอะไร เมื่อเทียบกับปิกอัพยี่ห้ออื่นๆ แต่หากวัดจากเป้าหมายของทาทาแล้ว นับว่าประสบความสำเร็จเกินคาด
“ทาทามียอดจองช่วงงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2008 ประมาณกว่า 200 คัน ซึ่งเราสามารถรับจองได้เพียงแค่นี้ และไม่สามารถได้มากกว่านี้อีกแล้ว เพราะกำลังการผลิตช่วงแรกของทาทา ทำได้เพียงกว่า 200 คันต่อเดือน เหตุนี้จึงจำเป็นต้องแจ้งกับดีลเลอร์ตั้งแต่ผ่าน 3-4 วันแรกของการจัดงาน โดยห้ามดีลเลอร์รับจองลูกค้าตุนตัวเลขเอาไว้ โดยที่ไม่สามารถส่งมอบรถให้ได้ทันตามกำหนด นอกจากลูกค้าจะยอมรอรถนาน 1-2 เดือนเท่านั้น”
ดังนั้นหากวัดความพอใจของทาทา ถือว่าประสบความสำเร็จ และช่วงแรกที่เข้ามาทำตลาด ทาทาก็ไม่ได้ตั้งเป้าสูงอยู่แล้ว ปีแรกวางไว้เพียง 5,000 คันเท่านั้น โดยต้องการวางพื้นฐานให้มั่นคงเสียก่อน ส่วนปัญหาเรื่องการผลิตยังไม่สามารถทำได้เต็มที่ในปัจจุบัน ถือเป็นธรรมดาของการเริ่มเดินไลน์ผลิต ซึ่งต้องค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้รถที่ประกอบออกมาสมบูรณ์มากที่สุด แต่ทาทาก็พยายามปรับปรุง เพื่อให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ตามเป้าหมาย คาดว่าพฤษภาคมนี้น่าจะเพิ่มเป็นเดือนละกว่า 300 คัน และเต็มที่กว่า 400 คันในช่วงกลางปี ดังนั้นเมื่อถึงสิ้นปีน่าจะมียอดขายเป็นไปตามเป้าหมาย
สมพงษ์กล่าวอีกว่า อีกจุดที่ทำให้ยอดจองไม่สูง เนื่องจากทาทาประเมินความต้องการของผู้บริโภคผิดพลาดไป เดิมคาดว่าปิกอัพแบบมีแค็บจะเป็นตัวหลักประมาณ 75% และดับเบิลแค็บ หรือปิกอัพ 4 ประตู ประมาณ 25 % ซึ่งไลน์ผลิตก็ต้องเป็นไปตามที่วางแผนไว้ แต่ปรากฏว่ารุ่นดับเบิลแค็บราคาเริ่มต้น 5.99 แสนบาท ได้รับความนิยมมากกว่าปริมาณการผลิต โดยสัดส่วนอยู่ที่ประมาณครึ่งต่อครึ่ง ทำให้ส่งผลต่อยอดจองของลูกค้าเช่นกัน ขณะนี้ทาทากำลังพยายามปรับไลน์ผลิตอยู่เท่าที่จะทำได้ คาดว่าเมื่อเปิดตัวขายเป็นทางการทั่วประเทศพฤษภาคมนี้น่าจะเริ่มดีขึ้น
“ส่วนยอดจองปัจจุบันจะมาจากต่างจังหวัด ในสัดส่วนที่สูงมากเกือบ 80% เพราะมีโชว์รูมเปิดให้ลูกค้าได้เข้าไปชมรถแล้ว 19 แห่ง ขณะที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลมีเพียง 2 แห่ง ทำให้ลูกค้าในต่างจังหวัดได้สัมผัสกับปิกอัพทาทา ซีนอน จริงๆ ได้อย่างใกล้ชิดมากกว่า จึงส่งผลให้ยอดจองมีมากกว่า และมีคำสั่งขอเพิ่มโควตารถจากดีลเลอร์อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่เราติดปัญหาเรื่องไลน์ผลิตไม่ทัน จึงต้องให้ดีลเลอร์ชะลอการรับจองไปก่อน นอกจากลูกค้าจะยินดีรอเท่านั้น” สมพงษ์กล่าว
ขณะที่บรรดาค่ายรถยนต์หน้าใหม่ทั้งหลาย ต่างอ้างตัวเลขยอดจองในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2007 และบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2008 พุ่งเกินคาด แล้วนำมาตีปี๊บประโคมข่าวกันอย่างเอิกเกริก ขณะที่ “ทาทา ซีนอน” ปิกอัพน้องใหม่จากแดนภารตะประเทศอินเดีย กลับมีข่าวคราวเงียบเหงาอย่างยิ่ง และในมอเตอร์โชว์ก็ไม่ได้รายงานยอดจองเหมือนกับยี่ห้ออื่นๆ ยิ่งทำให้ผู้คนต่างสงสัยว่า... ขายได้หรือเปล่า?
เกี่ยวกับเรื่องนี้ สมพงษ์ ผลจิตจรูญ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทาทา มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ยอดจองปิกอัพทาทา ซีนอน ไม่ได้มากมายอะไร เมื่อเทียบกับปิกอัพยี่ห้ออื่นๆ แต่หากวัดจากเป้าหมายของทาทาแล้ว นับว่าประสบความสำเร็จเกินคาด
“ทาทามียอดจองช่วงงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2008 ประมาณกว่า 200 คัน ซึ่งเราสามารถรับจองได้เพียงแค่นี้ และไม่สามารถได้มากกว่านี้อีกแล้ว เพราะกำลังการผลิตช่วงแรกของทาทา ทำได้เพียงกว่า 200 คันต่อเดือน เหตุนี้จึงจำเป็นต้องแจ้งกับดีลเลอร์ตั้งแต่ผ่าน 3-4 วันแรกของการจัดงาน โดยห้ามดีลเลอร์รับจองลูกค้าตุนตัวเลขเอาไว้ โดยที่ไม่สามารถส่งมอบรถให้ได้ทันตามกำหนด นอกจากลูกค้าจะยอมรอรถนาน 1-2 เดือนเท่านั้น”
ดังนั้นหากวัดความพอใจของทาทา ถือว่าประสบความสำเร็จ และช่วงแรกที่เข้ามาทำตลาด ทาทาก็ไม่ได้ตั้งเป้าสูงอยู่แล้ว ปีแรกวางไว้เพียง 5,000 คันเท่านั้น โดยต้องการวางพื้นฐานให้มั่นคงเสียก่อน ส่วนปัญหาเรื่องการผลิตยังไม่สามารถทำได้เต็มที่ในปัจจุบัน ถือเป็นธรรมดาของการเริ่มเดินไลน์ผลิต ซึ่งต้องค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้รถที่ประกอบออกมาสมบูรณ์มากที่สุด แต่ทาทาก็พยายามปรับปรุง เพื่อให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ตามเป้าหมาย คาดว่าพฤษภาคมนี้น่าจะเพิ่มเป็นเดือนละกว่า 300 คัน และเต็มที่กว่า 400 คันในช่วงกลางปี ดังนั้นเมื่อถึงสิ้นปีน่าจะมียอดขายเป็นไปตามเป้าหมาย
สมพงษ์กล่าวอีกว่า อีกจุดที่ทำให้ยอดจองไม่สูง เนื่องจากทาทาประเมินความต้องการของผู้บริโภคผิดพลาดไป เดิมคาดว่าปิกอัพแบบมีแค็บจะเป็นตัวหลักประมาณ 75% และดับเบิลแค็บ หรือปิกอัพ 4 ประตู ประมาณ 25 % ซึ่งไลน์ผลิตก็ต้องเป็นไปตามที่วางแผนไว้ แต่ปรากฏว่ารุ่นดับเบิลแค็บราคาเริ่มต้น 5.99 แสนบาท ได้รับความนิยมมากกว่าปริมาณการผลิต โดยสัดส่วนอยู่ที่ประมาณครึ่งต่อครึ่ง ทำให้ส่งผลต่อยอดจองของลูกค้าเช่นกัน ขณะนี้ทาทากำลังพยายามปรับไลน์ผลิตอยู่เท่าที่จะทำได้ คาดว่าเมื่อเปิดตัวขายเป็นทางการทั่วประเทศพฤษภาคมนี้น่าจะเริ่มดีขึ้น
“ส่วนยอดจองปัจจุบันจะมาจากต่างจังหวัด ในสัดส่วนที่สูงมากเกือบ 80% เพราะมีโชว์รูมเปิดให้ลูกค้าได้เข้าไปชมรถแล้ว 19 แห่ง ขณะที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลมีเพียง 2 แห่ง ทำให้ลูกค้าในต่างจังหวัดได้สัมผัสกับปิกอัพทาทา ซีนอน จริงๆ ได้อย่างใกล้ชิดมากกว่า จึงส่งผลให้ยอดจองมีมากกว่า และมีคำสั่งขอเพิ่มโควตารถจากดีลเลอร์อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่เราติดปัญหาเรื่องไลน์ผลิตไม่ทัน จึงต้องให้ดีลเลอร์ชะลอการรับจองไปก่อน นอกจากลูกค้าจะยินดีรอเท่านั้น” สมพงษ์กล่าว
