xs
xsm
sm
md
lg

มินิ คูเปอร์ เอส เมื่ออารมณ์อยู่เหนือเหตุผล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เป็นที่ทราบกันดีว่า ตลาดรถยนต์ของเมืองไทยขึ้นชื่อว่าเป็น “ตลาดปราบเซียน” แห่งหนึ่งของโลก คือ ค่ายรถใดทำการบ้านมาไม่ดี หรือจับกระแสและทิศทางผิดจังหวะ มีสิทธิม้วนเสื่อกลับบ้านกันได้โดยง่าย แต่ถ้าจับถูกแล้วละก็เตรียมฉลองชัย “แจ้งเกิด” ได้เต็มที่

และหนึ่งในแบรนด์ที่ถือว่าประสบความสำเร็จ แจ้งเกิดในเมืองไทยชนิดเกินความคาดหมายก็คือ “มินิ” จากการสร้างคุณค่าให้แบรนด์ประกอบกับคุณภาพของตัวรถ และสิ่งที่จะลืมเสียมิได้ ภาพยนตร์เรื่อง “The Italian Job” ที่เป็นตัวจุดกระแสความคลั่งไคล้ให้เกิดสาวกมินิทั่วโลก

โดยเฉพาะในเมืองไทยเอง ที่บรรดาเหล่าดาราดังหลายๆ คนพาเหรดกันมีข่าวกับรถมินิอย่างต่อเนื่องทั้ง หนุ่มฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ เมย์-อั้ม-เข็ม ที่เปิดศึกชิงรถมินิ จนเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์รายวันแทบทุกเล่มอยู่หลายวัน เป็นเครื่องการันตีความนิยมในรถมินิได้เป็นอย่างดี

ซึ่งเมื่อมาดูตัวเลขยอดขายในรอบปี 2550 ที่มีการจองล้นโควต้า จนทำให้ต้องรอรถกันนานนับเดือนกว่าจะได้มินิมาขับเฉิดฉาย ทั้งที่ราคารถจัดว่าอยู่ในระดับสูงเกือบ 3 ล้านบาท ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใด ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวอย่าง มิลเลเนียมออโต้ จึงกล้าทุ่มทุนกว่า 120 ล้านบาท ผุดโชว์รูมมินิใหญ่ที่สุดในโลกขึ้นบนถนนเอกมัย เพื่อรองรับการให้บริการที่ครบวงจรสำหรับรถมินิในเมืองไทย

ทั้งนี้เรา “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” เคยสัมผัสและทดสอบเจ้ามินิ ทั้งคูเปอร์ และคูเปอร์ เอสไปแล้ว ในรุ่นเกียร์ธรรมดา ดังนั้นคราวนี้เราจึงขอยืมมินิตัวที่ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ แต่ติดปัญหาบางประการ ทำให้มินิส่ง “คูเปอร์ เอส เกียร์ธรรมดา” มาให้เราแทน

ซึ่งหากจะว่าไปแล้ว เป็นการนำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ เช่นนั้นหรือ ความจริงก็คือ ไม่ครับ เพราะการทดสอบคราวก่อนเป็นการทดสอบบนเส้นทางที่ถูกกำหนดโดยทีมงานของมินิและจำกัดด้านความเร็ว รวมถึงกำหนดการขับขี่เอาไว้ด้วย ดังนั้นเมื่อมีโอกาสทดสอบ เจ้ามินิ อีกครั้งคราวนี้จึงเป็นแบบตามใจเรา ไปดูกันว่าเหตุผลกลใด มินิ จึงเป็นที่ต้องการถึงขนาดนั้น

เราเลือกใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-เขาใหญ่ ในการเดินทางไกลครั้งนี้ เมื่อเข้าประจำการหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นที่ควบคุมวิทยุได้ เท้าซ้ายเหยียบคลัทซ์อันนุ่มและเบา ไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณสภาพสตรี เข้าเกียร์ 1 ออกตัวแบบธรรมดา ก่อนที่จะลากรอบขึ้นไปเกือบ 6,000 รอบ/นาที ความเร็วทะลุ 60 กม./ชม. ภายในเวลาไม่กี่วินาที 

จากนั้นสับเข้าเกียร์ 2 ลากรอบไปต่อถึง 5,000 กว่า ความเร็วทะลุ 100 กม./ชม. ในเวลาไม่ถึงอึดใจ ทำเอา หัวใจเต้นอย่างแรงพร้อมกับอะดีนาลีนของเราหลั่งโดยไม่ทราบจำนวน “โอ้!!! พระเจ้า มันเหยียบได้สุดยอดอย่างนี้นี่เอง”

หลังจากนั้นก็สับเข้าเกียร์ 3,4,5 และ 6 ตามลำดับ (ลากรอบอยู่ในระดับสูงกว่า 3,000 รอบ/นาที) โดยความเร็วสูงสุดที่เราทำได้คือ 190 กม./ชม. บนสภาพการทรงตัวของรถที่คงความนิ่งและสร้างความเชื่อมั่นในการบังคับควบคุมได้อย่างเต็ม 100%

เราทดลองขับแบบเรซซิ่ง (ตามสไตล์ส่วนตัวของผู้เขียน คือไม่ยอมให้ใครแซง) ด้วยความเร็วไล่เลียงไปตั้งแต่ 80-160 กม./ชม. เป็นระยะเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ไม่ทราบระยะทาง เร็วบ้าง ช้าบ้าง สลับตามจังหวะของปริมาณรถคันอื่นที่อยู่บนถนน เจ้ามินิ คูเปอร์ เอส สามารถตอบสนองอย่างทันท่วงทีทุกครั้งที่เราต้องการในทุกย่านความเร็ว ถูกใจเต็มร้อย

ซึ่งการขับเช่นนั้นยังทำให้เราได้ทราบถึง การควบคุมพวงมาลัยที่แม่นยำ และแปรผันน้ำหนักตามความเร็ว ยิ่งเร็ว ยิ่งหนัก และทราบถึงการทรงตัวของรถที่เกาะถนนอย่างหนึบๆ ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการขับรถแบบโกคาร์ท

ด้านการรองรับแรงสะเทือน บางช่วงที่มีเนินมีหลุม รู้สึกได้อย่างชัดเจน ยิ่งนั่งที่เบาะแถวหลังจะรับรู้แรงสะเทือนชัดกว่าเบาะตอนหน้า ซึ่งเราว่าเป็นเรื่องปกติหากคุณเซ็ตช่วงล่างในลักษณะนี้

ส่วนเสียงรบกวนจากภายนอกเริ่มได้ยินชัดเมื่อขับความเร็วทะลุ 130 กม./ชม. เสียงยางบดถนนมีได้ยินอยู่บ้าง ขณะที่เสียงเครื่องยนต์จะได้ยินชัดเมื่อรอบทะลุเกิน 4,500 รอบ/นาทีขึ้นไป สำหรับขากลับเราขับแบบกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ ความเร็วคงที่ประมาณ 100-120 กม./ชม. ให้ความรู้สึกสบายๆ ตลอดการขับ

ในเวลากลางคืน เจ้ามินิ ให้อารมณ์ภายในรถที่แปลกและแตกต่างจากรถอื่นๆ ด้วยสีสันจากแสง หลากหลายเฉด พร้อมกับไฟดวงเล็กๆ ที่เขาว่าปรับเปลี่ยนสีได้ตามอารมณ์ของผู้ขับ ส่วนการใช้งานของปุ่มฟังก์ชั่นต่างๆ เช่นปรับกระจกหรือเซ็นทรัลล็อก ไม่ได้อยู่ในจุดที่ใช้งานง่ายหรือสะดวก แต่จะอยู่ในตำแหน่งที่มองแล้วสวยงามเสียมากกว่า

และคันที่เราได้มาทดสอบนั้น เป็นรุ่นจอหน้าปัดแบบพิเศษ ใหญ่โดดเด่นกว่าจอมาตรฐานอย่างมาก ดูแล้วเท่ห์ เก๋ กว่ามินิคันอื่นๆ ให้ความรู้สึกพิเศษเป็นสองเท่า
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสิ่งน่าทึ่งอีกอย่างหนึ่งด้วยตัวเลขระยะทางไป-กลับกว่า 400 กม. ขับบู๊ล้างผลาญอย่างที่กล่าวมา น้ำมันเต็มถังกลับมาถึงกรุงเทพฯ ยังเหลือ พร้อมกับตัวเลขอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 14.1 กม./ลิตร ตามการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ในรถ

สรุป อารมณ์ส่วนใหญ่ในการขับเจ้ามินิครั้งนี้ของเรา จะเต็มไปด้วยความสุข และสนุกสนาน อย่างบอกไม่ถูก ขับแล้วก็ยังอยากขับอีก และที่สำคัญไม่สามารถหาจากรถคันไหนได้เลยในตลาดเมืองไทย นับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมินิเท่านั้น ดังคำกล่าวที่ว่า มินิ คือ มินิ

ฉะนั้นเราไม่แปลกใจเลยว่าทำไม มินิ จึงขายดี มียอดจองล้นโควตา ทั้งจากรูปลักษณ์ภายนอก ค่าความนิยม สมรรถนะ และสิ่งสำคัญที่สุด อารมณ์กับความรู้สึก แม้ราคาค่าตัวจะสูงถึงระดับ 3 ล้านบาท(ราคาจะขึ้นกับออพชั่นที่เลือกใส่เพิ่มในแต่ละคัน) ก็ยังมีคนที่พร้อมจะจ่ายเพื่อแลกกับความเป็น “มินิ”









กำลังโหลดความคิดเห็น