เว้นวรรคไปหนึ่งเดือนในช่วงมีนาคม เพราะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของงานใหญ่ที่เจนีวา ในตอนนี้สีสันและความเคลื่อนไหวในแวดวงอุตสาหกรรมรถยนต์กลับมาสู่สหรัฐอเมริกาอีกครั้ง กับอีกงานโชว์ระดับแถวหน้าของประเทศอย่างนิวยอร์ก มอเตอร์โชว์ 2008 ซึ่งมีขึ้นในระหว่างวันที่ 21-30 มีนาคมนี้
แม้ความเป็นมาของงานจะไม่มีประวัติยาวเป็นหางว่าวเหมือนกับงานที่ดีทรอยต์และชิคาโก้ แต่ต้องยอมรับว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นิวยอร์ก มอเตอร์โชว์ทวีบทบาทในฐานะงานที่มีความสำคัญรายการหนึ่งซึ่งจัดขึ้นเมืองลุงแซม อีกทั้งชื่องานก็ยังมีการนำคำว่าอินเตอร์เนชันแนลมาใช้เพื่อสื่อให้เห็นถึงการยกระดับของงานให้มีความเป็นสากลมากขึ้น ส่วนสถานที่จัดแสดงงานยังใช้พื้นที่ของ Jacob Javits Convention Center เช่นเคย
สำหรับรถยนต์ใหม่ที่ถูกเปิดตัวในงาน อาจจะไม่ถึงกับมากแบบละลานตา เพราะคงต้องเห็นใจผู้ผลิตรถยนต์กันสักหน่อย เพราะว่าแค่ 3 เดือนแรกของปีก็โดนมอเตอร์โชว์ดักเอาไว้ถึง 3 รายการ แถม 2 รายการยังเป็นงานช้างติด 1 ใน 5 ของโลกอีกด้วย บนเวทีของนิวยอร์กก็เลยอาจจะต้องมีของเก่ามาวนเปิดตัวสำหรับให้บรรดาคนรักรถฝั่งตะวันออกของประเทศได้ยลโฉมกันบ้าง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่างานนี้จะขาดแคลนของใหม่แกะกล่องเสียเลยทีเดียว
ประเภทใหม่เปิดตัวครั้งแรกของโลกบนเวทีนี้ก็ยังมี อย่างเกียก็เผยโฉมต้นแบบรุ่นใหม่ที่เรียกว่า Koup บนตัวถังแบบสปอร์ตคูเป้สีแดงเพลิง พร้อมกับเปิดตัวโฉมใหม่ของซีดานขนาดกลางกึ่งใหญ่อย่างรุ่นออพติมาออกมาเพื่อขายในสหรัฐอเมริกา วางเครื่องยนต์ 2,400 ซีซีบล็อกใหม่ที่ม้าขยับขึ้นอีก 13 ตัวเป็น 175 แรงม้า ตามด้วยรุ่น 2,700 ซีซี 190 แรงม้า ส่วนตัวแรงเป็นวี6 3,500 ซีซี 250 แรงม้า
หรืออย่างแบรนด์ไซออนจากค่ายโตโยต้าที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อขายกลุ่มวัยรุ่นชาวมะกันก็ส่งต้นแบบทรงกล่องรุ่นฮาโกะ Hako ออกมาเปิดตัวเรียกเสียงฮือฮา เช่นเดียวกับซูซูกิที่เปิดตัวเวอร์ชันที่ 3 ของต้นแบบชื่อคิซาชิซึ่งเริ่มรุ่นแรกมาตั้งแต่แฟรงค์เฟิร์ต เดือนกันยายน 2007 และคราวนี้มากับตัวถังแบบซีดาน 4 ประตูมาดสปอร์ตที่มีข่าวว่าซูซูกิจะพัฒนาให้เป็นคันจริงและพร้อมขายในปี 2010 ส่วนรุ่นแฮทช์แบ็ก และเอสยูวียังไม่มีความคืบหน้าออกมา
ที่น่าสนใจคือ ฮุนไดมากับผลผลิตที่ 2 จากรถยนต์ซีดานรุ่นเจเนซิสที่เปิดตัวเมื่อต้นปี แต่คราวนี้มากับตัวถังคูเป้ พร้อมกับระบบขับเคลื่อนล้อหลัง และวางเครื่องยนต์วี6 3,800 ซีซี 310 แรงม้า หรือ 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบ 223 แรงม้าเป็นขุมพลัง
ส่วนของใหม่จากพวกยี่ห้อเจ้าถิ่นก็มีเข้ามาเปิดตัวเช่นกัน โดยเฉพาะทางฝั่งหมายเลข 1 อย่างจีเอ็มที่คราวนี้ชูยี่ห้อพอนติแอคเป็นตัวเด่น โดยเริ่มกับการปัดฝุ่นนำแนวคิดรถยนต์ลูกผสมในคราบปิกอัพที่เคยได้รับความนิยมอย่างมากในทศวรรษที่ 1970 กลับมาทำใหม่ พัฒนาบนพื้นฐานของรถยนต์รุ่น G8 และขายในชื่อสปอร์ตทรัค บนตัวถังปิกอัพ 2 ประตูที่ใช้ตัวถังด้านหน้าร่วมกับรุ่นคูเป้ของ G8 ตามด้วยการหันมาจับตลาดคูเป้ของรุ่นโซลส์ทิซ โรดสเตอร์รุ่นดังไซส์เดียวกับมาสด้า MX-5
ส่วนแบรนด์รถสปอร์ตอย่างซาลีนก็เปิดตัวซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ในชื่อ S5S แร็พเตอร์ พร้อมรูปลักษณ์ที่ดูแล้วชวนให้นึกถึงเส้นสายบนตัวถังของรถสปอร์ตรุ่นใหม่ๆ จากค่ายลัมบอร์กินี เช่นเดียวกับฟอร์ดส่ง Signature edition ของ Saleen Gurney ที่พัฒนารูปลักษณ์มาจากรถแข่งหมายเลข 2 ของแดน เกอร์นีย์ ส่วนรุ่นขายจริงวางเครื่องยนต์วี8 4,600 ซีซี 465 แรงม้า และผลิตออกมาเพียง 300 คันแบ่งเป็นแดง, ขาว และน้ำเงินอย่างละ 100 คันเท่านั้น ตามด้วยรุ่น Warrior in Pink ของมัสแตงคูเป้ กับสีเทาคาด้วยแถบชมพู โดยที่ดอดจ์เปิดตัวรุ่นธรรมดาของแชลเลนเจอร์ที่ใช้ชื่อ SE ออมาแล้ว หลังจากบุกระลอกแรกด้วยรุ่นไฮเอนด์อย่าง SRT8
ที่ขาดไม่ได้ในปีนี้มีการประกาศรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของงานประจำปีด้วย แต่ใช้ชื่อซ่ะหรูเลยว่า World Car of the Year ซึ่งในปีนี้รางวัลตกเป็นของมาสด้า 2 หรือเดมิโอ ที่เพิ่งอกหักมาจากรางวัล European Car of the Year โดยมาสด้า 2 สามารถเบียดคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสไปได้