xs
xsm
sm
md
lg

Hummer H3T ผลผลิตจากต้นแบบตัวลุย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ถ้ายังจำกันได้ ในงานแอลเอ มอเตอร์โชว์ 2004 ฮัมเมอร์เรียกเสียงฮือฮาจากคนที่เข้ามาร่วมงานได้ไม่น้อย กับต้นแบบทรงปิกอัพที่พัฒนาบนพื้นฐานของน้องเล็กสุดในสายพันธุ์อย่างเอช3 และจัดแสดงในชื่อเอช3ที ตอนนั้นแฟนๆ เรียกร้องกันมากให้จีเอ็มซึ่งเป็นบริษัทแม่ของฮัมเมอร์ขึ้นไลน์ผลิต ก่อนที่เรื่องจะเงียบหายไปจนนึกว่าจีเอ็มจะเก็บโปรเจ็กต์นี้เข้าลิ้นชักไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม จีเอ็มยังไม่ลืมถึงความเป็นไปได้ในการผลิต เพียงแต่ใช้เวลานานสักนิดในการนั่งดีดลูกคิดคำนวณต้นทุนเพื่อหาความเป็นไปได้ในการผลิต และสุดท้ายต้นแบบรุ่นนี้ก็ได้รับไฟเขียวในการขึ้นไลน์แล้ว โดยจะเริ่มขายสหรัฐอเมริกาช่วงปลายปีนี้ กับชื่อที่เหมือนกับต้นแบบ
ตัวลุยรุ่นนี้มีคิวเปิดตัวในงานชิคาโก้ มอเตอร์โชว์ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 8-17 กุมภาพันธ์นี้ โดยตัวรถได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับเอช3 แต่มากับตัวถังแบบปิกอัพ 4 ประตูที่มีความยาว 5,343 มิลลิเมตร กว้าง 2,161 มิลลิเมตร สูง 1,835 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 3,409 มิลลิเมตร

แม้ทางฮัมเมอร์จะบอกว่า เป็นทางเลือกที่ใหญ่กว่าปิกอัพขนาดกลาง แต่เล็กกว่าปิกอัพแบบฟูลล์ไซส์ในระดับเดียวกับฟอร์ด เอฟ-ซีรีส์ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว เอช3ทีไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์เหมือนกับปิกอัพทั้งหลาย เพียงแต่เป็นเอสยูวีที่ดันมีตัวถังด้านท้ายเป็นกระบะเท่านั้นเอง เหมือนกับที่ปิกอัพประเภทนี้เคยได้รับความนิยมในตลาดสหรัฐอเมริกา เช่น เชฟโรเลต อะวาลันช์, ฟอร์ด เอ็กซ์โพลเรอร์ สปอร์ตแทร็ก หรือฮอนด้า ริดจ์ไลน์ เพราะตัวรถได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อเน้นการใช้งานส่วนตัวมากกว่าการบรรทุกหนัก ซึ่งกระบะท้ายของเอช3ทีมีความยาว 1.5 เมตรรองรับกับการบรรทุกพวกอุปกรณ์สันทนาการกลางแจ้ง อย่างรถ ATV หรือมอเตอร์วิบากได้อย่างสบายๆ

เครื่องยนต์ที่ทำตลาดมีให้เลือกทั้งรุ่นธรรมดา ซึ่งมากับขุมพลังเบนซิน 5 สูบเรียง ทวินแคม 3,700 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน รีดกำลังออกมาได้ 240 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 33.4 กก.-ม. ที่ 4,600 รอบต่อนาที เลือกได้ว่าจะจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 4 จังหวะ

แต่ถ้าสมรรถนะขนาดนี้ยังไม่พอ ก็ต้องขยับขึ้นมาคบกับรหัสอัลฟา (Alpha) ซึ่งใครที่เป็นแฟนของฮัมเมอร์คงจะทราบดีว่า คำนี้ หมายถึงสมรรถนะที่เหนือระดับของฮัมเมอร์รุ่นนั้นๆ เพราะอัลฟาเป็นเวอร์ชันตัวลุยที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะของฮัมเมอร์ที่เปิดตัวครั้งแรกกับรุ่นเอชวัน และในรุ่นเอช3ทีมากับเครื่องยนต์เบนซินวี8 OHVแบบ Small Block ของจีเอ็ม มีความจุกระบอกสูบ 5,300 ซีซี พร้อมกำลังขับเคลื่อน 300 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 59.8 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ

ในเรื่องของสมรรถนะการลุยไม่ต้องเป็นห่วง เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นฮัมเมอร์แล้ว แถมเอช3 ยังพัฒนาเป็นตัวแข่งสำหรับลุยการแข่งขันแรลลี่ออฟโรดอย่างรายการ Baja 1000 มาแล้ว จึงมั่นใจได้ในสมรรถนะ โดยด้านหน้าใช้ระบบกันสะเทือนแบบ SLA ทอร์ชันบาร์ โช้กอัพ และด้านหลังแบบแหนบ Hotchkiss-Type

แต่ก็มีทางเลือกของการอัพเกรดสมรรถนะให้กับลูกค้าที่ไม่เคยพอใจกับคำว่าพอดี ด้วยรุ่น Z85 Heavy-Duty ใช้ช่วงล่างเดิมๆ แต่เปลี่ยนมาเป็นล้อขนาด 16 นิ้วพร้อมยางขนาด 32 นิ้ว และเปลี่ยนอัตราทดเฟืองท้ายมาเป็น 4.56 สำหรับรุ่นธรรมดา และ 4.10 สำหรับรุ่นอัลฟาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการลุยทางวิบาก

ส่วนอีกเวอร์ชันคือ Off-Road Adventure อันนี้อัพเกรดกันสุดโหด เปลี่ยนเป็นช่วงล่างยกสูง พร้อมยาง 33 นิ้ว และปรับแต่งโช้กอัพสำหรับลองรับกับการลุย รวมถึงมีการเปลี่ยนวัสดุที่มีความแข็งแกร่งสำหรับใช้ในการผลิตชุดห้องเฟืองสำหรับด้านหน้า รวมถึงมีการติดตั้งแผ่นป้องกันด้านล่างของห้องเครื่อง เพื่อรองรับกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้อันเนื่องมาจากการกระแทกกระทั้นเมื่อขับลุยทางวิบาก ส่วนอัตราทดสำหรับโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 4L นั้นเปลี่ยนอัตราทดมาเป็น 4.03 : 1

งานนี้จีเอ็มลงทุนปรับปรุงไลน์ผลิตที่โรงงานในเมือง Shreveport ด้วยเงินลงทุน 73 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 2,400 ล้านบาทสำหรับรองรับกับการผลิตเอช3ทีโดยเฉพาะ โดยโรงงานแห่งนี้รับหน้าที่ในการผลิตปิกอัพของบริษัทในเครือจีเอ็ม และเริ่มประกอบมาตั้งแต่ปี 1981 กับเชฟโรเลต เอส-10 โดยในปัจจุบันรับหน้าที่ผลิตเชฟโรเลต โคโรลาโด และจีเอ็มซี แคนยอน ซึ่งเมื่อนับรวมผลผลิตจากฮัมเมอร์เข้าไปด้วยแล้วก็เป็น 3 รุ่น

เอช3ที จะเริ่มขายในสหรัฐอเมริกา ช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ส่วนราคายังไม่เปิดเผย เช่นเดียวกับโอกาสที่จะโกอินเตอร์ฯ ส่งออกขายในตลาดภูมิภาคอื่นๆ เพราะถึงแม้ปัจจุบัน ฮัมเมอร์จะเป็นแบรนด์อินเตอร์ที่ลุยตลาดทั่วโลก แต่กับตัวถังที่เกิดขึ้นมาเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ฝ่ายการตลาดคงต้องทำงานกันเหนื่อยหน่อยสำหรับการสร้างยอดจำหน่าย
กำลังโหลดความคิดเห็น