ข่าวต่างประเทศ - จีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์ส ตอบรับความแรงของกระแสเอธานอลที่กำลังจะกลายเป็นตัวเลือกหลักๆ ของพลังงานทางเลือกใหม่ในตลาดรถยนต์อเมริกัน เมื่อประกาศว่าภายในปี 2012 ครึ่งหนึ่งของยอดขายจากค่ายจีเอ็มจะเป็นรถยนต์ที่ใช้เอธานอลในการขับเคลื่อน
จากการเปิดเผยของทรอย คลาร์ค ประธานของจีเอ็มในอเมริกาเหนือซึ่งกล่าวในงานชิคาโก้ มอเตอร์โชว์ 2008 ว่า ในปัจจุบัน จีเอ็มมีรถยนต์เพียง 11 รุ่นในตลาดที่สามารถขับเคลื่อนด้วยเอธานอล แต่เมื่อถึงปี 2009 จะเพิ่มทางเลือกเป็น 15 รุ่นด้วยกัน นอกจากนั้นในปี 2010 จะเป็นครั้งแรกสำหรับจีเอ็มในการผลิตเครื่องยนต์แบบ 4 สูบที่สามารถใช้เอธานอลเป็นเชื้อเพลิงออกวางขาย โดยจะเปิดตัวกับรถยนต์รุ่นเอชเอชอาร์ ของเชฟโรเลต
นอกจากนั้น คลาร์คยังเชื่อว่าภายในปี 2012 จีเอ็มจะมีทางเลือกใหม่ๆ ของรถยนต์ที่สามารถใช้เอธานอลเป็นเชื้อเพลิงออกสู่ตลาดมากขึ้น และน่าจะมียอดขายของรถยนต์ประเภทนี้อยู่ในระดับครึ่งหนึ่งของยอดขายต่อปี
‘เราไม่ได้ต้องการตอบสนองความต้องการของตลาด แต่เราอยากที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตลาด และถึงแม้ว่าในอนาคตจีเอ็มจะมีรถยนต์ทางเลือกใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เช่น เซลล์เชื้อเพลิง ไฟฟ้า หรือไฮบริดแบบปลั๊ก-อิน แต่เอธานอลก็ยังเชื้อเพลิงที่น่าสนใจและยังจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง เพราะตอบสนองความต้องการได้เร็วกว่า’ คลาร์คกล่าว
มีการเปิดเผยว่าส่วนหนึ่งของการผลักดันให้เพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ของรถยนต์ที่สามารถใช้เอธานอลเป็นเชื้อเพลิงออกสู่ตลาดนั้นมาจากแรงกระตุ้นของพันธมิตรใหม่อย่างคอสคาต้า ซึ่งทางจีเอ็มเพิ่งเซ็นสัญญาไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยบริษัทแห่งนี้จะรับหน้าที่ผลิตเอธานอลออกสู่ตลาดโดยโรงงานแห่งแรกจะเดินเครื่องในปลายปี 2010 และคาดว่าจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1 ล้านแกลลอนต่อปี
นอกจากนั้น นายคลาร์คยังกล่าวอีกว่า หากทั้งจีเอ็ม, ฟอร์ด และไครสเลอร์เดินหน้าตามสัญญาที่วางเอาไว้เกี่ยวกับเรื่องการผลักดันให้รถยนต์ที่ใช้เอธานอลแล่นอยู่บนถนนในปี 2020 มีจำนวนครบตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งทางจีเอ็มจะเพิ่มจาก 2.5 ล้านคันในตอนนี้เป็น 20 ล้านคันในปี 2020 นั้น เชื่อว่าอัตราการบริโภคเอธานอลในสหรัฐอเมริกาจะมีตัวเลขสูงถึง 29,000 ล้านแกลลอนต่อปี หรือคิดเป็น 18% ของการใช้งานเอธานอลในภาพรวมของทั้งประเทศเลยทีเดียว
จากการเปิดเผยของทรอย คลาร์ค ประธานของจีเอ็มในอเมริกาเหนือซึ่งกล่าวในงานชิคาโก้ มอเตอร์โชว์ 2008 ว่า ในปัจจุบัน จีเอ็มมีรถยนต์เพียง 11 รุ่นในตลาดที่สามารถขับเคลื่อนด้วยเอธานอล แต่เมื่อถึงปี 2009 จะเพิ่มทางเลือกเป็น 15 รุ่นด้วยกัน นอกจากนั้นในปี 2010 จะเป็นครั้งแรกสำหรับจีเอ็มในการผลิตเครื่องยนต์แบบ 4 สูบที่สามารถใช้เอธานอลเป็นเชื้อเพลิงออกวางขาย โดยจะเปิดตัวกับรถยนต์รุ่นเอชเอชอาร์ ของเชฟโรเลต
นอกจากนั้น คลาร์คยังเชื่อว่าภายในปี 2012 จีเอ็มจะมีทางเลือกใหม่ๆ ของรถยนต์ที่สามารถใช้เอธานอลเป็นเชื้อเพลิงออกสู่ตลาดมากขึ้น และน่าจะมียอดขายของรถยนต์ประเภทนี้อยู่ในระดับครึ่งหนึ่งของยอดขายต่อปี
‘เราไม่ได้ต้องการตอบสนองความต้องการของตลาด แต่เราอยากที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตลาด และถึงแม้ว่าในอนาคตจีเอ็มจะมีรถยนต์ทางเลือกใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เช่น เซลล์เชื้อเพลิง ไฟฟ้า หรือไฮบริดแบบปลั๊ก-อิน แต่เอธานอลก็ยังเชื้อเพลิงที่น่าสนใจและยังจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง เพราะตอบสนองความต้องการได้เร็วกว่า’ คลาร์คกล่าว
มีการเปิดเผยว่าส่วนหนึ่งของการผลักดันให้เพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ของรถยนต์ที่สามารถใช้เอธานอลเป็นเชื้อเพลิงออกสู่ตลาดนั้นมาจากแรงกระตุ้นของพันธมิตรใหม่อย่างคอสคาต้า ซึ่งทางจีเอ็มเพิ่งเซ็นสัญญาไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยบริษัทแห่งนี้จะรับหน้าที่ผลิตเอธานอลออกสู่ตลาดโดยโรงงานแห่งแรกจะเดินเครื่องในปลายปี 2010 และคาดว่าจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1 ล้านแกลลอนต่อปี
นอกจากนั้น นายคลาร์คยังกล่าวอีกว่า หากทั้งจีเอ็ม, ฟอร์ด และไครสเลอร์เดินหน้าตามสัญญาที่วางเอาไว้เกี่ยวกับเรื่องการผลักดันให้รถยนต์ที่ใช้เอธานอลแล่นอยู่บนถนนในปี 2020 มีจำนวนครบตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งทางจีเอ็มจะเพิ่มจาก 2.5 ล้านคันในตอนนี้เป็น 20 ล้านคันในปี 2020 นั้น เชื่อว่าอัตราการบริโภคเอธานอลในสหรัฐอเมริกาจะมีตัวเลขสูงถึง 29,000 ล้านแกลลอนต่อปี หรือคิดเป็น 18% ของการใช้งานเอธานอลในภาพรวมของทั้งประเทศเลยทีเดียว