ความเคลื่อนไหวสำคัญในวงการศาสนา เมื่อ นางยุพิน ห้องสมุดพุทธวจนอิ่มบุญ ตัวแทนสมาคมพุทธวจนในยุโรป ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน ถึงพฤติกรรมของบุคคลหนึ่งซึ่งเคยมีบทบาทในโครงการเผยแผ่พระธรรมคำสอนในต่างประเทศ โดยอ้างว่าเป็นผู้ประสานงานใกล้ชิดกับพระอาจารย์ชื่อดัง
ประเด็นนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมคณะ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (บก.ปปป.) เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีที่เคยร้องขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง ว่ามีการบริหารจัดการเงินวัดอย่างโปร่งใสหรือไม่ หลังกลับจากการเดินทางไปต่างประเทศ
๐ ย้อนรอยจุดเริ่มต้นโครงการ
นางยุพินเล่าว่า ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2559 บุคคลที่ถูกกล่าวถึงได้ติดต่อมายังสมาคมพุทธวจนในยุโรป โดยอ้างตนเป็นผู้แทนจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เพื่อดำเนินโครงการ “น้อมนำพระธรรมคำสอนตามหลักพุทธวจน สู่ภาคพื้นยุโรป”
หลายสมาคมในยุโรปต่างให้ความสนใจ เนื่องจากต้องการมีพื้นที่เผยแผ่พระธรรมในประเทศของตนเอง
แต่เมื่อโครงการเริ่มต้นขึ้น กลับมีเงื่อนไขที่ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัย เนื่องจากสมาคมในแต่ละประเทศต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งค่าเดินทาง ค่าที่พัก อาหาร และสถานที่จัดกิจกรรม โดยบุคคลดังกล่าวมักแสดงต่อสาธารณะว่าเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด
ภายหลังแต่ละกิจกรรม จะมีการรับบริจาคจากผู้ร่วมงาน ซึ่งตามข้อมูลจากผู้จัดงานบางรายระบุว่า เงินบริจาคทั้งหมดถูกนำกลับไปโดยผู้ประสานงาน พร้อมให้ผู้จัดงานทำหนังสือปวารณายืนยันต่อพระสงฆ์ก่อนส่งมอบเงิน
๐ ศรัทธาที่ถูกตั้งคำถาม
นางยุพินกล่าวอีกว่า พฤติกรรมในลักษณะนี้ทำให้หลายฝ่ายเริ่มกังวลว่า อาจมีการแสวงหาประโยชน์ทางชื่อเสียงหรืออิทธิพลทางศรัทธา โดยบางกรณีมีผู้ศรัทธาที่เคยตั้งใจบริจาคเงินเพื่อสร้างวัดในยุโรป ต้องถอนเจตนาบริจาคหลังถูกกดดันให้ดำเนินการผ่านช่องทางเฉพาะ
๐ ปมการเงินและผลกระทบต่อธุรกิจเอกชน
ไม่เพียงแต่ในแวดวงศาสนาเท่านั้น เรื่องราวยังขยายไปถึงภาคธุรกิจเอกชน เมื่อ นายนิวัติ มีกลิ่นหอม อดีตผู้บริหารบริษัทเอกชนรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เจ้านายของตนซึ่งเคยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคคลดังกล่าว ถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนหลังประสบปัญหาทางการเงิน และภายหลังได้มอบหมายให้ดูแลกิจการแทน ก่อนจะเสียชีวิตในปี 2565
หลังการเสียชีวิต ปรากฏว่าเงินที่ได้จากการขายที่ดิน 10 ล้านบาท และเงินกู้ส่วนตัวกว่า 50 ล้านบาท สูญหายไปจนหมดสิ้น ส่งผลให้บริษัทประสบภาวะล้มละลาย และเจ้าหน้าที่บางรายต้องกลายเป็นบุคคลล้มละลายในที่สุด
๐ สังคมเรียกร้องความโปร่งใส
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนในแวดวงศาสนาและสังคมออนไลน์ ซึ่งสะท้อนคำถามสำคัญเกี่ยวกับความโปร่งใสในการบริหารเงินบริจาค
ระบบตรวจสอบภายในขององค์กรศาสนา การใช้ชื่อพระอาจารย์หรือสำนักธรรมในการดำเนินโครงการต่างประเทศ ผู้ศรัทธาหลายรายเรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา เพื่อคืนความเชื่อมั่นให้กับวงการพุทธศาสนาไทยในต่างแดน
แม้ในขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปหรือคำวินิจฉัยทางกฎหมายเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว แต่เสียงจากผู้ศรัทธาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบอย่างเป็นธรรม โปร่งใส และเปิดเผย เพื่อไม่ให้ “ศรัทธา” ซึ่งเป็นสิ่งสูงสุดในพุทธศาสนา กลายเป็นเพียงเครื่องมือของใครบางคน