xs
xsm
sm
md
lg

เอสซีจีเผยผลประกอบการไตรมาสแรกปี’59 กำไรเพิ่ม 23% พร้อมลงทุนในอาเซียนต่อเนื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอสซีจีเผยผลประกอบการเอสซีจีไตรมาสแรกปี 2559 มีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจเคมีภัณฑ์ รวมทั้งยอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 39 พร้อมเดินหน้าลงทุนในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า งบการเงินรวมก่อนสอบทานของเอสซีจีในไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2559 มีรายได้จากการขาย 109,998 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อน และใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เอสซีจีมีกำไรสำหรับงวด 13,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจเคมีภัณฑ์และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ขณะที่รายได้จากการส่งออก 29,570 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 27 ของยอดขายรวม ลดลงร้อยละ 8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับธุรกิจของเอสซีจีในอาเซียนในไตรมาสที่ 1 ปี 2559 นอกเหนือจากประเทศไทย เอสซีจีมีรายได้จากธุรกิจที่มีฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน และจากการส่งออกไปยังอาเซียน 24,396 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากปีก่อน ทั้งนี้ เป็นรายได้จากธุรกิจที่มีฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน 12,586 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้จากการส่งออกไปยังอาเซียน 11,810 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11 ของรายได้รวม ลดลงร้อยละ 14 จากปีก่อน ทั้งนี้ เอสซีจีมีสินทรัพย์รวมในอาเซียนนอกเหนือจากประเทศไทย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 มูลค่า 110,491 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 21 ของสินทรัพย์รวมของบริษัท

สำหรับสินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 มีมูลค่า 520,603 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2559 แยกตามรายธุรกิจดังนี้คือ 1. เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขาย 45,880 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 3,290 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในทุกตลาด

2. เอสซีจี เคมิคอลส์ มีรายได้จากการขาย 47,810 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ ไตรมาสก่อน และช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 9,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 85 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลประกอบการธุรกิจร่วมปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง

และ3. เอสซีจี แพคเกจจิ้ง มีรายได้จากการขาย 18,847 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 1,255 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนและผลประกอบการที่ดีขึ้นของกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์

“จากการที่เอสซีจีได้ทุ่มเทพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services - HVA) มาโดยตลอด ทั้งที่เป็นการค้นคว้าวิจัยโดยทีมงานเอสซีจีเอง และการร่วมมือกับสถาบันวิจัยชั้นนำของไทย และระดับโลก ในไตรมาสที่ 1 ปี 2559 เอสซีจีมียอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม 42,262 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 39 ของยอดขายรวม โดยใช้งบประมาณงานวิจัยและพัฒนากว่า 900 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.8 ของยอดขายรวม สำหรับแผนงานในปี 2559 เอสซีจีได้ตั้งงบประมาณงานวิจัยและพัฒนา คิดเป็นร้อยละ 1 ของยอดขายรวม” นายรุ่งโรจน์ กล่าว

นอกจากนี้ เอสซีจีได้มุ่งพัฒนาทีมงานวิจัยให้สามารถคิดค้นนวัตกรรมสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการ ความหลากหลายของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต อาทิ Dissolving Pulp ของเอสซีจี แพคเกจจิ้ง สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอ และอุตสาหกรรมเมลามีนคอมพาวด์ ที่ได้รับการยอมรับจากตลาดโลกอย่างดียิ่ง และนวัตกรรมเม็ดพลาสติกสำหรับท่อทนแรงดันสูงเกรด PE 100 ของเอสซีจี เคมิคอลส์ สำหรับระบบขนส่งน้ำ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติ โดยได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานสากลจากองค์กรระดับโลก

รวมทั้ง นวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัย อาทิ ผลิตภัณฑ์เพื่อผู้สูงวัย (SCG Eldercare Solution) ผนังสำเร็จรูปที่สร้างลวดลายบนพื้นผิวได้ ช่วยทดแทนแรงงานก่อสร้างที่ขาดแคลน และนวัตกรรมปูนซีเมนต์สูตรพิเศษที่ใช้เทคโนโลยีการผลิต 3D printing ในการผลิตซิเมนต์รูปแบบใหม่ ซึ่งกำลังจัดแสดงในงานสถาปนิก’59 รวมถึงความร่วมมือกับสถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ล่าสุดได้ร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดศูนย์วิจัย “SCG-CHULA Engineering Research Center” เพื่อค้นคว้าและพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และบรรจุภัณฑ์

สำหรับในภูมิภาคอาเซียนมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยรวมการลงทุนของเอสซีจีมีความคืบหน้าตามแผน โรงงานปูนซีเมนต์ในประเทศอินโดนีเซีย และกัมพูชา ขณะนี้เริ่มผลิตสินค้าแล้ว ส่วนโรงงานปูนซีเมนต์ในประเทศเมียนมา และสปป.ลาว คาดว่าจะเริ่มเดินสายการผลิตได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2559 และกลางปี 2560 ตามลำดับ ซึ่งโครงการลงทุนเหล่านี้ ถือเป็นส่วนสำคัญในการขยายตัวของเอสซีจีในอาเซียน ทั้งนี้ เอสซีจียังคงขยายการลงทุน โดยการให้ความสำคัญในการหาพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจเดิมอยู่แล้ว เพื่อพัฒนาธุรกิจให้เจริญเติบโตร่วมกันต่อไป
เอสซีจีชูนวัตกรรม เปิดตัวโครงสร้างซีเมนต์ระบบ 3D Printing ครั้งแรกในอาเซียน พร้อมเร่งตอบโจทย์ผลิตภัณฑ์ผู้สูงวัย
เอสซีจียกขบวนนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและเทคโนโลยีการอยู่อาศัย จัดแสดงในงานสถาปนิก’59 อย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้แนวคิด “Discover your next by SCG EXPERIENCE” ต่อยอดนวัตกรรมปูนซีเมนต์รูปแบบใหม่ไร้ขีดจำกัดกับผลงาน “SCG Y-BOX Pavilion” สิ่งปลูกสร้างขนาดสูงกว่า 3 เมตร ชิ้นแรกของอาเซียน ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อการอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ผู้สูงวัยโดยเฉพาะ สัมผัสกระเบื้องสุดยอดดีไซน์ระดับโลก และพบสถาปนิกผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาเรื่องบ้านอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ 26 เมษายน – 1 พฤษภาคมนี้ ที่บูธเอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี
กำลังโหลดความคิดเห็น