“วัสดุก่อสร้างเอสซีจี” รุกตลาดเต็มรูปแบบ เปิดตัว 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ “กลุ่มเทคโนโลยี” และ “กลุ่มโซลูชัน” เสริมกลุ่มเดิมที่มี “กลุ่มสตรักเจอรัล” และ “กลุ่มเฮาส์ซิ่ง” พร้อมเพิ่มความแข็งแกร่งทั้ง 4 กลุ่ม ด้วยการเปิดนวัตกรรมสินค้าและบริการต่อเนื่องตลอดปี ล่าสุด อัดแคมเปญแรกของปี “ยิ่งชอปครบ ยิ่งคุ้ม” สำหรับลูกค้าที่ต้องการสินค้าครบทั้งระบบ และเพิ่มช่องทางจำหน่ายด้วยการขายออนไลน์ รับแนวโน้มของผู้บริโภคยุคดิจิตอล อีโคโนมี มั่นใจเศรษฐกิจฟื้นตัว คาดตลาดวัสดุก่อสร้างปี 59 เติบโต 3-4% พร้อมเดินหน้าสร้างแบรนด์ให้เป็นหนึ่งเดียวทั้งอาเซียน
นายนิธิ ภัทรโชค ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-ตลาดในประเทศ ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า “วัสดุก่อสร้างเอสซีจี” เตรียมเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้ที่มีแนวโน้มฟื้นตัว โดยมีปัจจัยบวกจากแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน และผู้บริโภค โดยวางแผนจะใช้กลยุทธ์การรุกตลาดอย่างเต็มรูปแบบ ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งถึง จุดยืนของแบรนด์วัสดุก่อสร้างเอสซีจี ในฐานะผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างที่ครบครัน ทั้งนวัตกรรมสินค้า และบริการ
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้จะเน้นตอบแนวโน้มของผู้บริโภคที่มีต้องการสินค้าและบริการให้ตรงต่อไลฟ์สไตล์ สะดวกสบาย ครบวงจร และมั่นใจได้ในคุณภาพเช่นเดิม อีกทั้งยังตอบแนวโน้มของผู้ประกอบการในตลาดที่ต้องการสินค้าที่มีนวัตกรรม ทันสมัย และติดตั้งได้รวดเร็ว ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยรุกเปิดตัวนวัตกรรมสินค้า และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และเตรียมงบประมาณ R&D ในปีนี้กว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมทั้ง 4 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มสตรักเจอรัล บิสิเนส ได้แก่ ปูนซีเมนต์ คอนกรีต เหล็ก ท่อ ไม่เน้นการแข่งขันด้านราคา มุ่งเสริมศักยภาพให้แก่กลุ่มคู่ค้า มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาเสมือนเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ และขยายการลงทุนไปสู่อาเซียน
กลุ่มเฮาส์ซิ่ง บิสิเนส ได้แก่ หลังคาและอุปกรณ์หลังคา ฝ้าผนัง ไม้สังเคราะห์ ฉนวน และผลิตภัณฑ์ตกแต่งภูมิทัศน์ โดยนวัตกรรมใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ เช่น กระเบื้องหลังคาคอนกรีตเฉดสีเข้ม ที่ตอบกระแสความนิยมบ้านสไตล์โมเดิร์น แต่ยังมีคุณสมบัติเด่นที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสะท้อนรังสีความร้อน เพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในตัวบ้าน
กลุ่มเทคโนโลยี แบ่งเป็น 2 แบรนด์ ได้แก่ SCG Building tech (เอสซีจี บิลดิ้งเทค) นวัตกรรมการก่อสร้างที่เป็นระบบและรวดเร็วมากขึ้น เช่น ระบบผนังคอนกรีตสำเร็จรูปที่ติดตั้งรวดเร็ว เหมาะต่ออุตสาหกรรมในสภาวะการขาดแคลนแรงงานฝีมือ และ SCG Living tech (เอสซีจี ลีฟวิ่งเทค) นวัตกรรมการสร้างที่อยู่อาศัยให้มีภาวะอยู่สบายมากขึ้น ประหยัดพลังงาน เช่น ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา SolarECO System (เอสซีจี โซลาร์อีโค ซิสเท็ม)
กลุ่มโซลูชัน พัฒนาขึ้นจากความเข้าใจที่เราทราบว่าลูกค้าต้องการอะไรเพื่อการอยู่อาศัย หรือสังคมโดยรวม ทั้งด้านปัญหาสิ่งแวดล้อม และการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ในรูปของบริการแบบครบวงจร ได้แก่ SCG Green Building Solution (เอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชัน) บริการให้คำปรึกษาเรื่องสิ่งปลูกสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ SCG Eldercare Solution (เอสซีจี เอลเดอร์แคร์ โซลูชัน) ตอบโจทย์ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุทั้งภายใน และภายนอกของบ้าน
วัสดุก่อสร้างเอสซีจี พบว่าลูกค้าจะมีการค้นหาข้อมูลด้วยตนเองก่อนจากหลากหลายช่องทาง จึงพัฒนาทุกช่องทางเพื่อตอบโจทย์ อย่างเว็บไซต์ www.scgbuildingmaterials.com ที่ให้ทั้งข้อมูลสินค้า และแรงบันดาลใจมาไว้ในที่เดียว และยังสะดวกขึ้นไปอีกขั้นด้วยการเปิดช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ หรือ E-Commerce ผ่านเว็บไซต์ www.scgshoppingexperience.com เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคในการซื้อสินค้า
นอกจากนี้ ยังจัดแคมเปญการตลาด “ยิ่งชอปครบ ยิ่งคุ้ม” โปรโมชันพิเศษรูปแบบใหม่ที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเลือกใช้สินค้าอย่างครบชุดเป็นระบบ โดยสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ 3 กลุ่ม ได้แก่ ส่วนงานโครงสร้าง ส่วนงานระบบหลังคาเบ็ดเสร็จ และส่วนงานตกแต่งภูมิทัศน์ หรือตกแต่งภายนอก ทำให้ลูกค้าได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งยังได้ส่วนลด และของแถมมูลค่าสูงสุดกว่า 40,000 บาท สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนรับคูปองส่วนลดได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 พฤษภาคม 2559 และสามารถใช้คูปองได้ถึง 30 กันยายน 2559 ที่เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ เอสซีจี โฮมโซลูชัน ทุกสาขาทั่วประเทศ และร้านผู้แทนจำหน่ายเอสซีจีที่ร่วมรายการ
ด้านนายอนุวัตร เฉลิมไชย แบรนด์ไดเร็กเตอร์ สำนักงานบริหารแบรนด์ ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า หลังจากประกาศเปลี่ยนชื่อแบรนด์สินค้าจากตราช้าง เป็นวัสดุก่อสร้างเอสซีจี กลุ่มผู้บริโภค ร้านค้าผู้แทนจำหน่าย ดีลเลอร์ และพนักงานภายในองค์กรให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยมองว่าการเปลี่ยนชื่อครั้งนี้เป็นการยกระดับแบรนด์ไปอีกขั้น เพิ่มความสะดวกสบายในการเลือกใช้สินค้า บริการ โซลูชัน รวมถึงช่องทางการจำหน่ายและช่องทางการติดต่อสื่อสารภายใต้เอสซีจีแบรนด์เดียวครบวงจร
อย่างไรก็ตาม ในปี 2559 ทิศทางการบริหารแบรนด์จะมุ่งไปในทิศทางเดียวกับแผนการดำเนินธุรกิจ คือ เน้นสร้างแบรนด์ผ่านการเปิดตัวนวัตกรรมสินค้าและบริการ เพื่อสะท้อนจุดแข็งด้านนวัตกรรมของวัสดุก่อสร้างเอสซีจี นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้แบรนด์วัสดุก่อสร้างเอสซีจีในกลุ่มตลาดอาเซียน ซึ่งเดิมทีเอสซีจีได้รับการยอมรับในฐานะองค์กรที่ดำเนินธุรกิจควบคู่กับการทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน และสังคมในทุกๆ พื้นที่ที่เข้าไปทำธุรกิจ ดังนั้น เราจึงใช้กลยุทธ์ในการต่อยอดภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร โดยตั้งเป้าให้ลูกค้าทั้งไทย และอาเซียนรับรู้ว่า “วัสดุก่อสร้างเอสซีจี” เป็นแบรนด์มาตรฐานสากลที่มีนวัตกรรมสินค้าและบริการคุณภาพที่ดีที่สุด มีความหลากหลายครบครัน สามารถตอบความต้องการด้านที่อยู่อาศัยได้ทุกรูปแบบ อีกทั้งยังเป็นองค์กรที่มุ่งหวังให้คู่ค้า และชุมชนเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
“จากกลยุทธ์การตลาดเต็มรูปแบบที่คำนึงลูกค้าเป็นหลัก ผนึกกับนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีอยู่ในสินค้า บริการ และโซลูชั่น การอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล และช่องทางจัดจำหน่าย ตลอดจนจัดแคมเปญการตลาดกระตุ้นยอดขาย และเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลที่จะทยอยออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ จึงมั่นใจว่าผลการดำเนินธุรกิจของวัสดุก่อสร้างเอสซีจี จะเติบโต 3-4% ไปในทางทิศทางเดียวกับตลาด รวมถึงการเดินหน้าสร้างแบรนด์ให้เป็นหนึ่งเดียวทั่วอาเซียน จะช่วยตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์ในฐานะผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างในประเทศไทย พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดอาเซียนในอนาคต”