ชาญอิสสระ เปิดแผนฝ่าวิกฤต ยุคเศรษฐกิจชะลอตัว จับมือพันธมิตร ขยายตลาดใน/ต่างประเทศ หวังกระจายความเสี่ยง
นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ CI เปิดเผยว่า ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว บริษัทจำเป็นต้องดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง ด้วยการกระจายพื้นที่ลงทุน รวมทั้งจับมือกันพันธมิตร เพื่อลดความเสี่ยง และหาโอกาสในการขยายตลาดใหม่ๆ โดยการร่วมทุนกับกลุ่มนักลงทุนชาวจีน เพื่อเป็นฐานในการขยายการลงทุนไปยังประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตค่อนข้างดี เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่ มีโอกาสในการขยายธุรกิจอีกมาก
บริษัทมีแผนที่จะร่วมทุนกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและลงทุนเอง โดยจะโฟกัสไปที่โรงแรมทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบโครงการมิกซ์ยูส ประมาณ 5 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการ”อิสสระ เชียงใหม่” ใกล้ห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล เป็นการร่วมทุนกับกลุ่มบริษัทเทียนหยวน ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศจีน โดยตั้งบริษัท อิสสระ เทียนหยวน จำกัด โดยบริษัท ถือหุ้น 70% และเทียนหยวนถือหุ้น 30% ถือเป็นกลุ่มทุนจากจีนที่เข้ามาร่วมทุนรายที่ 2 จากที่ก่อนหน้าที่ได้ร่วมทุนกับบริษัท จุนฟา เรียล เอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่จากจีน ร่วมทุนพัฒนาโครงการบาบา บีช คลับ ย่านหาดนาใต้ จ.พังงา ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท อิสสระ จุนฟา จำกัด
2.โครงการบ้านเดี่ยว ย่านพระราม9 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 10 ไร่ ราคา 70 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 20 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท 3.โครงการเดี่ยว บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.8 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 27 ไร่ ราคาตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 50-60 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,800 ล้านบาท 4.โครงการ”บาบา หัวหิน” เป็นโรงแรมขนาด 80 ห้อง ราคาประมาณ 8,000 บาทต่อคืน มูลค่าการลงทุน 1,500 ล้าบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 2-3 ปี และ5.โครงการ “บาบา ภูเก็ต” โรงแรมในโครงการ บาบา บีช คลับ มูลค่าการลงทุน 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2560
สำหรัยโครงการบาบา บีช คลับ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 6 ไร่ เป็นคอนโดมิเนียม สูง 7 ชั้น จำนวน 4 อาคาร จำนวน 1,000 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 30 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาขายตั้งแต่ 1.8-1.9 ล้านบาท มูลค่า 1,200 ล้านบาท จะเริ่มเปิดขาย 2 อาคารก่อน คาดว่าในปีแรกจะมียอดขายประมาณ 40% และปีที่ 2 มียอดขาย 60% และจะสามารถปิดการขายได้ในปี 2561 ขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างเฟสแรก 2 อาคาร จำนวน 500 ยูนิตก่อน ส่วนอีก 2 อาคารคาดว่าจะเปิดการขายได้ภายในปี 2560
ล่าสุด กลุ่มจุนฟาได้ดึง แบรนด์”ศรีพันวา”เข้าไปบริหารโรงแรมในประเทศจีน โดยเริ่มที่เกาะไหหลำ เป็นแห่งแรก ขณะนี้ได้เข้าไปบริหารงานแล้ว เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว มูลค่าการลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯจะเข้าไปร่วมตั้งแต่การวางคอนเซ็ปท์โครงการ และบริหารโครงการ มีระยะสัญญายาว 20 ปี นอกจากนี้กลุ่มจุนฟา จะดึงศรีพันวา ไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ และต้าหลี่ด้วย เพราะมองว่าจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ สามารถขยายธุรกิจโรงแรมได้อีกมาก
ส่วนโรงแรมภายใต้แบรนด์”บาบาบีช” ปีนี้มีแผนจะขยายเพิ่มให้ได้อีก 1 แห่ง ในทำเลบางแสน หรือบางเสร่ ซึ่งตั้งเป้าจะเปิดแบรนด์ดังกล่าวให้ได้ 4 แห่งภายในระยะเวลา 5 ปี ส่วนแบรนด์”ศรีพันวา” จะบริหารเฉพาะโรงแรมระดับ 5 ดาวขึ้นไปและตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เป็นเมืองจุดปลายทางนักท่องเที่ยว
“เมื่อในเดือนมกราคม 2559 บริษัทได้เปิดบริการโรงแรมส่วนต่อขยายของศรีพันวาภูเก็ต ภายใต้ชื่อ ฮาบิตะ เป็นโรงแรมขนาด 30 ยูนิต ประกอบด้วยห้องพักแบบพลูสวีท จำนวน 20 ยูนิต และ ห้องพักแบบเพนเฮาส์ จำนวน 10 ยูนิต รวมมูลค่า 800 ล้านบาท มียอดการเข้าพักสูงมากได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งนี้บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าตามแผนงานในการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งที่พักอาศัยในกรุงเทพมหานครและโครงการที่พักอาศัยเพื่อขายและเพื่อการเช่าและบริการ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโครงการบ้านจัดสรรระดับไฮเอนด์ 2 โครงการบนถนนพระราม 9 และถนนบางนาตราด และอีกโครงการ คือ โรงแรมที่หาดชะอำ-หัวหิน
นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ CI เปิดเผยว่า ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว บริษัทจำเป็นต้องดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง ด้วยการกระจายพื้นที่ลงทุน รวมทั้งจับมือกันพันธมิตร เพื่อลดความเสี่ยง และหาโอกาสในการขยายตลาดใหม่ๆ โดยการร่วมทุนกับกลุ่มนักลงทุนชาวจีน เพื่อเป็นฐานในการขยายการลงทุนไปยังประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตค่อนข้างดี เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่ มีโอกาสในการขยายธุรกิจอีกมาก
บริษัทมีแผนที่จะร่วมทุนกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและลงทุนเอง โดยจะโฟกัสไปที่โรงแรมทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบโครงการมิกซ์ยูส ประมาณ 5 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการ”อิสสระ เชียงใหม่” ใกล้ห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล เป็นการร่วมทุนกับกลุ่มบริษัทเทียนหยวน ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศจีน โดยตั้งบริษัท อิสสระ เทียนหยวน จำกัด โดยบริษัท ถือหุ้น 70% และเทียนหยวนถือหุ้น 30% ถือเป็นกลุ่มทุนจากจีนที่เข้ามาร่วมทุนรายที่ 2 จากที่ก่อนหน้าที่ได้ร่วมทุนกับบริษัท จุนฟา เรียล เอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่จากจีน ร่วมทุนพัฒนาโครงการบาบา บีช คลับ ย่านหาดนาใต้ จ.พังงา ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท อิสสระ จุนฟา จำกัด
2.โครงการบ้านเดี่ยว ย่านพระราม9 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 10 ไร่ ราคา 70 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 20 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท 3.โครงการเดี่ยว บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.8 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 27 ไร่ ราคาตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 50-60 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,800 ล้านบาท 4.โครงการ”บาบา หัวหิน” เป็นโรงแรมขนาด 80 ห้อง ราคาประมาณ 8,000 บาทต่อคืน มูลค่าการลงทุน 1,500 ล้าบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 2-3 ปี และ5.โครงการ “บาบา ภูเก็ต” โรงแรมในโครงการ บาบา บีช คลับ มูลค่าการลงทุน 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2560
สำหรัยโครงการบาบา บีช คลับ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 6 ไร่ เป็นคอนโดมิเนียม สูง 7 ชั้น จำนวน 4 อาคาร จำนวน 1,000 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 30 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาขายตั้งแต่ 1.8-1.9 ล้านบาท มูลค่า 1,200 ล้านบาท จะเริ่มเปิดขาย 2 อาคารก่อน คาดว่าในปีแรกจะมียอดขายประมาณ 40% และปีที่ 2 มียอดขาย 60% และจะสามารถปิดการขายได้ในปี 2561 ขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างเฟสแรก 2 อาคาร จำนวน 500 ยูนิตก่อน ส่วนอีก 2 อาคารคาดว่าจะเปิดการขายได้ภายในปี 2560
ล่าสุด กลุ่มจุนฟาได้ดึง แบรนด์”ศรีพันวา”เข้าไปบริหารโรงแรมในประเทศจีน โดยเริ่มที่เกาะไหหลำ เป็นแห่งแรก ขณะนี้ได้เข้าไปบริหารงานแล้ว เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว มูลค่าการลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯจะเข้าไปร่วมตั้งแต่การวางคอนเซ็ปท์โครงการ และบริหารโครงการ มีระยะสัญญายาว 20 ปี นอกจากนี้กลุ่มจุนฟา จะดึงศรีพันวา ไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ และต้าหลี่ด้วย เพราะมองว่าจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ สามารถขยายธุรกิจโรงแรมได้อีกมาก
ส่วนโรงแรมภายใต้แบรนด์”บาบาบีช” ปีนี้มีแผนจะขยายเพิ่มให้ได้อีก 1 แห่ง ในทำเลบางแสน หรือบางเสร่ ซึ่งตั้งเป้าจะเปิดแบรนด์ดังกล่าวให้ได้ 4 แห่งภายในระยะเวลา 5 ปี ส่วนแบรนด์”ศรีพันวา” จะบริหารเฉพาะโรงแรมระดับ 5 ดาวขึ้นไปและตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เป็นเมืองจุดปลายทางนักท่องเที่ยว
“เมื่อในเดือนมกราคม 2559 บริษัทได้เปิดบริการโรงแรมส่วนต่อขยายของศรีพันวาภูเก็ต ภายใต้ชื่อ ฮาบิตะ เป็นโรงแรมขนาด 30 ยูนิต ประกอบด้วยห้องพักแบบพลูสวีท จำนวน 20 ยูนิต และ ห้องพักแบบเพนเฮาส์ จำนวน 10 ยูนิต รวมมูลค่า 800 ล้านบาท มียอดการเข้าพักสูงมากได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งนี้บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าตามแผนงานในการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งที่พักอาศัยในกรุงเทพมหานครและโครงการที่พักอาศัยเพื่อขายและเพื่อการเช่าและบริการ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโครงการบ้านจัดสรรระดับไฮเอนด์ 2 โครงการบนถนนพระราม 9 และถนนบางนาตราด และอีกโครงการ คือ โรงแรมที่หาดชะอำ-หัวหิน