ไทยยูเนี่ยนซื้อหุ้นรูเก้นฟิชผู้นำตลาดอาหารทะเลกระป๋องในประเทศเยอรมนี 51% สำเร็จแล้ว ยืนยันผ่านเกณฑ์ข้อกำหนดทั้งหมดและได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานป้องกันการผูกขาดทางการค้า เผยประธานเจ้าหน้าที่บริหารยังเป็นคนเดิม
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2559 บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TU) ผู้ผลิตและแปรรูปปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ที่สุดของโลก และเจ้าของแบรนด์อาหารทะเลชั้นนำทั่วโลก ประกาศว่า บริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่เป็นจำนวน 51% ของบริษัท รูเก้น ฟิช (Rügen Fisch AG) ในประเทศเยอรมนีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ในครั้งนี้ผ่านเกณฑ์ข้อกำหนดทั้งหมด และได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานป้องกันการผูกขาดทางการค้าทั้งในประเทศเยอรมนี และสหภาพยุโรป ขณะที่ มร. แอนดริว เบิร์กมานน์ จะยังคงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทรูเก้น ฟิช ต่อไป และสำนักงานใหญ่ของบริษัท รูเก้น ฟิช จะยังคงตั้งอยู่ในเยอรมนีเหมือนเดิม ภายหลังจากการเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่เสร็จสิ้นแล้ว พร้อมด้วยพนักงานกว่า 850 คน ในโรงงานทั้งสี่แห่งทั้งในประเทศเยอรมนีและลิธัวเนีย
บริษัท รูเก้น ฟิช มีสำนักงานใหญ่อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเยอรมนี ซึ่งล่าสุดมีผลประกอบการสูงกว่า 140 ล้านยูโร หรือประมาณกว่า 5,600 ล้านบาท และเป็นผู้นำตลาดอาหารทะเลกระป๋องในประเทศเยอรมนี โดยมีผลิตภัณฑ์หลักคือปลาเฮอร์ริ่ง ปลาแม็คเคอเรล และ ปลาแซลมอน ทั้งแบบสดและแช่เย็น จัดจำหน่ายไปยังห้างค้าปลีกชั้นนำทั่วประเทศเยอรมนีภายใต้แบรนด์หลักอย่างรูเก้น ฟิช (Rügen Fisch) ฮาเวสต้า (Hawesta) อ็อสต์เซย์ฟิช (Ostsee Fisch) ไลเซลล์ (Lysell) และแบรนด์โออีเอ็มอีกมากมาย
ด้านนายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “วันนี้นับเป็นก้าวที่สำคัญอีกก้าวหนึ่งของไทยยูเนี่ยน เราพร้อมแล้วที่จะสร้างความประทับใจและชนะใจผู้บริโภค ด้วยผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพระดับพรีเมี่ยมที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการในตลาดเยอรมนี”
ส่วนมร. แอนดริว เบิร์กมานน์ (Andrew Bergmann) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รูเก้น ฟิช กล่าวเสริมว่า “ผมมีความยินดีที่การเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ซึ่งการผนึกกำลังในครั้งนี้ จะช่วยให้เราสามารถดำเนินการตามกลยุทธ์การเติบโต และสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานของบริษัทเราทั่วทั้งเยอรมนี ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการให้มูลค่าเพิ่มแก่ลูกค้า พนักงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา”
ทั้งนี้ รูเก้น ฟิชเป็นบริษัทอาหารทะเลและแบรนด์ชั้นนำที่เป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จทั้งในประเทศต้นกำเนิดและต่างแดน บริษัทมีเทคโนโลยีการผลิตปลาที่ทันสมัยมากที่สุดแห่งของยุโรป โดยมีสถานที่ผลิตอยู่ในเยอรมนี และ ลิธัวเนีย บริษัทมีประสบการณ์หลายสิบปีในการแปรรูปปลาด้วยมือด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุด อีกทั้งกระบวนการผลิตยังควบคุมคุณภาพด้วยการตรวจสอบติดตามผลในห้องวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่าจะตอบสนองต่อผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดเท่านั้น รูเก้น ฟิช และ ฮาเว็สต้า ภูมิใจที่มีส่วนร่วมขับเคลื่อนความยั่งยืนในระดับนโยบาย และส่งเสริมการทำประมงที่ยั่งยืนอย่างเต็มที่และการจับสัตว์น้ำด้วยความรับผิดชอบ
สำหรับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจมากว่า 38 ปี เพื่อตอบความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกในด้านผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และสะดวกในการรับประทาน วันนี้ไทยยูเนี่ยนถือเป็นผู้ผลิตทูน่าบรรจุกระป๋องที่ใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่ของโลกโดย มียอดขายกว่า 120,000 ล้านบาทต่อปี เป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำในต่างประเทศ เช่น Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, Century, Rugen Fisch และแบรนด์ที่จำหน่ายภายในประเทศไทย เช่น ซีเล็ค ฟิชโช และเบลลอตต้า และมีการจ้างงานกว่า 46,000 ตำแหน่งทั่วโลก
ที่สำคัญคือเป็นบริษัทที่ยึดมั่นในนวัตกรรม พร้อมทั้ง การรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยได้เข้าเป็นภาคีข้อตกลงระดับโลกแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น โกลบอล คอมแพค และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล รวมทั้งเป็นบริษัทอาหารแห่งแรกบริษัทฯ เดียวของประเทศไทยได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) ในกลุ่มดัชนี 2557-2558 ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน ในกลุ่ม Emerging Markets หมวดอุตสาหกรรมอาหาร
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2559 บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TU) ผู้ผลิตและแปรรูปปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ที่สุดของโลก และเจ้าของแบรนด์อาหารทะเลชั้นนำทั่วโลก ประกาศว่า บริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่เป็นจำนวน 51% ของบริษัท รูเก้น ฟิช (Rügen Fisch AG) ในประเทศเยอรมนีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ในครั้งนี้ผ่านเกณฑ์ข้อกำหนดทั้งหมด และได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานป้องกันการผูกขาดทางการค้าทั้งในประเทศเยอรมนี และสหภาพยุโรป ขณะที่ มร. แอนดริว เบิร์กมานน์ จะยังคงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทรูเก้น ฟิช ต่อไป และสำนักงานใหญ่ของบริษัท รูเก้น ฟิช จะยังคงตั้งอยู่ในเยอรมนีเหมือนเดิม ภายหลังจากการเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่เสร็จสิ้นแล้ว พร้อมด้วยพนักงานกว่า 850 คน ในโรงงานทั้งสี่แห่งทั้งในประเทศเยอรมนีและลิธัวเนีย
บริษัท รูเก้น ฟิช มีสำนักงานใหญ่อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเยอรมนี ซึ่งล่าสุดมีผลประกอบการสูงกว่า 140 ล้านยูโร หรือประมาณกว่า 5,600 ล้านบาท และเป็นผู้นำตลาดอาหารทะเลกระป๋องในประเทศเยอรมนี โดยมีผลิตภัณฑ์หลักคือปลาเฮอร์ริ่ง ปลาแม็คเคอเรล และ ปลาแซลมอน ทั้งแบบสดและแช่เย็น จัดจำหน่ายไปยังห้างค้าปลีกชั้นนำทั่วประเทศเยอรมนีภายใต้แบรนด์หลักอย่างรูเก้น ฟิช (Rügen Fisch) ฮาเวสต้า (Hawesta) อ็อสต์เซย์ฟิช (Ostsee Fisch) ไลเซลล์ (Lysell) และแบรนด์โออีเอ็มอีกมากมาย
ด้านนายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “วันนี้นับเป็นก้าวที่สำคัญอีกก้าวหนึ่งของไทยยูเนี่ยน เราพร้อมแล้วที่จะสร้างความประทับใจและชนะใจผู้บริโภค ด้วยผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพระดับพรีเมี่ยมที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการในตลาดเยอรมนี”
ส่วนมร. แอนดริว เบิร์กมานน์ (Andrew Bergmann) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รูเก้น ฟิช กล่าวเสริมว่า “ผมมีความยินดีที่การเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ซึ่งการผนึกกำลังในครั้งนี้ จะช่วยให้เราสามารถดำเนินการตามกลยุทธ์การเติบโต และสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานของบริษัทเราทั่วทั้งเยอรมนี ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการให้มูลค่าเพิ่มแก่ลูกค้า พนักงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา”
ทั้งนี้ รูเก้น ฟิชเป็นบริษัทอาหารทะเลและแบรนด์ชั้นนำที่เป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จทั้งในประเทศต้นกำเนิดและต่างแดน บริษัทมีเทคโนโลยีการผลิตปลาที่ทันสมัยมากที่สุดแห่งของยุโรป โดยมีสถานที่ผลิตอยู่ในเยอรมนี และ ลิธัวเนีย บริษัทมีประสบการณ์หลายสิบปีในการแปรรูปปลาด้วยมือด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุด อีกทั้งกระบวนการผลิตยังควบคุมคุณภาพด้วยการตรวจสอบติดตามผลในห้องวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่าจะตอบสนองต่อผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดเท่านั้น รูเก้น ฟิช และ ฮาเว็สต้า ภูมิใจที่มีส่วนร่วมขับเคลื่อนความยั่งยืนในระดับนโยบาย และส่งเสริมการทำประมงที่ยั่งยืนอย่างเต็มที่และการจับสัตว์น้ำด้วยความรับผิดชอบ
สำหรับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจมากว่า 38 ปี เพื่อตอบความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกในด้านผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และสะดวกในการรับประทาน วันนี้ไทยยูเนี่ยนถือเป็นผู้ผลิตทูน่าบรรจุกระป๋องที่ใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่ของโลกโดย มียอดขายกว่า 120,000 ล้านบาทต่อปี เป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำในต่างประเทศ เช่น Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, Century, Rugen Fisch และแบรนด์ที่จำหน่ายภายในประเทศไทย เช่น ซีเล็ค ฟิชโช และเบลลอตต้า และมีการจ้างงานกว่า 46,000 ตำแหน่งทั่วโลก
ที่สำคัญคือเป็นบริษัทที่ยึดมั่นในนวัตกรรม พร้อมทั้ง การรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยได้เข้าเป็นภาคีข้อตกลงระดับโลกแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น โกลบอล คอมแพค และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล รวมทั้งเป็นบริษัทอาหารแห่งแรกบริษัทฯ เดียวของประเทศไทยได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) ในกลุ่มดัชนี 2557-2558 ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน ในกลุ่ม Emerging Markets หมวดอุตสาหกรรมอาหาร