กลุ่มบริษัทธารารมณ์ ปรับตัวรับมือปัจจัยลบ เศรษฐกิจผันผวน ชูกลยุทธ์ Guerilla Marketing ประเมินสถานการณ์แบบเดือนต่อเดือน
นายวสันต์ เคียงศิริ ผู้บริหารกลุ่มบริษัทธารารมณ์ เปิดเผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง กลุ่มบริษัทธารารมณ์มีนโยบายรักษาฐานลูกค้าไว้ด้วยการตลาดแบบ Guerilla Marketing โดยมีการประเมินสถานการณ์แบบเดือนต่อเดือน จัดกิจกรรมทั้งอีเว้นต์และแคมเปญการตลาดให้กับลูกค้าเป้าหมายเฉพาะกลุ่มต่อเนื่องตลอดเวลา ระหว่างปีมีการปรับแผนการทำงานให้เหมาะกับช่วงเวลาขณะนั้น ทำให้สามารถสามารถผลักดันยอดขายได้ตามเป้าหมาย 1,100 ล้านบาท และปิดการขาย 2 โครงการได้แก่ โครงการพาร์คเวย์ ชาเล่ต์ และโครงการเทรนดี้ ธารา รามคำแหง
"ท่ามกลางสถานการณ์ที่ผันผวน ความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนการบริหารงานของผู้ประกอบการรายกลางที่ดำเนินธุรกิจแบบ Flexible ยืดหยุ่นได้ตลอดเวลา สามารถปรับลดความเสี่ยงโดยการไม่ Over Invest เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ยืนอยู่ได้ด้วยการเติบโตอย่างมั่นคง บนพื้นฐานคุณภาพสินค้าที่ดี มีมาตรฐาน ภายใต้ “ทุกคุณภาพเกิดจากความเข้าใจจริง"
กลุ่มบริษัทธารารมณ์มีโครงการที่เปิดขายอยู่ในปัจจุบัน 6 โครงการ แบ่งเป็นสัดส่วนแนวราบ 85 โครงการ แนวสูง 15 โครงการ อยู่ระหว่างเตรียมโครงการใหม่อีก 2 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 2,000 ล้านบาท และเตรียมงบซื้อที่ดินเพิ่ม 1,500 ล้านบาท และรอจังหวะที่เหมาะสมในการเปิดตัว ในระหว่างที่ตลาดชะลอตัว ได้มีการพัฒนาบุคลากรและระบบการทำงานเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและเพื่อให้สามารถสนองตอบลูกค้าได้ทันท่วงที
นายคณิต ฉายรัตนอภิรมย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด กล่าวว่า จากสถานการณ์คอนโดมิเนียมตั้งแต่ปลายปี 2557 เริ่มโอเวอร์ซัปส่งผลให้ปีนี้มีการเปิดตัวโครงการลดลงประมาณ 10% จากปี 2557 การจดทะเบียนและการขอสินเชื่อโครงการแนวสูงได้ลดลงเช่นเดียวกัน จึงคาดการณ์ได้ว่าตลาดคอนโดมิเนียมน่าจะกลับไปสมดุลในอีก 1 ปีครึ่งถึง 2 ปีข้างหน้า ส่วนแนวราบปีนี้ตลาดยังไปได้ดีโดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ โดยด้าน demand มีการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น 8% ส่วนด้าน supply มีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น 3% การจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 9% การขออนุญาตจัดสรรเพิ่มขึ้น 6% และการขอสินเชื่อโครงการเพิ่มขึ้น 15% สอดคล้องกับบริษัทฯ ที่จะโฟกัสไปที่สินค้าแนวราบที่มีความชำนาญในทำเลหลักของเราใน 1-2 ปีข้างหน้า
นายณัฐพล มัททวกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด กล่าวว่า ในปีหน้ายังคงทำตลาดอยู่ในเซกเมนต์และทำเลเดิมที่มีอยู่โดยเฉพาะโซนตะวันออก ซึ่งเป็นโซนที่มีความแข็งแรง สำหรับกลยุทธ์การตลาดนั้น สืบเนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน เราได้เตรียมแผนการตลาดเพื่อมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยในส่วนของสินค้าและโครงการจะใช้กลยุทธ์ “Multi-Segment” สำหรับการสื่อสารและการให้บริการจะใช้กลยุทธ์ “Fast & Intense” นอกจากนี้ยังมีแผนปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ เพื่อเตรียมรองรับการเปิดโครงการใหม่ อีกทั้งให้ลูกค้าได้เข้าถึงและได้รับข้อมูลสินค้าอย่างครบถ้วนมากยิ่งขึ้น
นายวสันต์ เคียงศิริ ผู้บริหารกลุ่มบริษัทธารารมณ์ เปิดเผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง กลุ่มบริษัทธารารมณ์มีนโยบายรักษาฐานลูกค้าไว้ด้วยการตลาดแบบ Guerilla Marketing โดยมีการประเมินสถานการณ์แบบเดือนต่อเดือน จัดกิจกรรมทั้งอีเว้นต์และแคมเปญการตลาดให้กับลูกค้าเป้าหมายเฉพาะกลุ่มต่อเนื่องตลอดเวลา ระหว่างปีมีการปรับแผนการทำงานให้เหมาะกับช่วงเวลาขณะนั้น ทำให้สามารถสามารถผลักดันยอดขายได้ตามเป้าหมาย 1,100 ล้านบาท และปิดการขาย 2 โครงการได้แก่ โครงการพาร์คเวย์ ชาเล่ต์ และโครงการเทรนดี้ ธารา รามคำแหง
"ท่ามกลางสถานการณ์ที่ผันผวน ความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนการบริหารงานของผู้ประกอบการรายกลางที่ดำเนินธุรกิจแบบ Flexible ยืดหยุ่นได้ตลอดเวลา สามารถปรับลดความเสี่ยงโดยการไม่ Over Invest เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ยืนอยู่ได้ด้วยการเติบโตอย่างมั่นคง บนพื้นฐานคุณภาพสินค้าที่ดี มีมาตรฐาน ภายใต้ “ทุกคุณภาพเกิดจากความเข้าใจจริง"
กลุ่มบริษัทธารารมณ์มีโครงการที่เปิดขายอยู่ในปัจจุบัน 6 โครงการ แบ่งเป็นสัดส่วนแนวราบ 85 โครงการ แนวสูง 15 โครงการ อยู่ระหว่างเตรียมโครงการใหม่อีก 2 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 2,000 ล้านบาท และเตรียมงบซื้อที่ดินเพิ่ม 1,500 ล้านบาท และรอจังหวะที่เหมาะสมในการเปิดตัว ในระหว่างที่ตลาดชะลอตัว ได้มีการพัฒนาบุคลากรและระบบการทำงานเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและเพื่อให้สามารถสนองตอบลูกค้าได้ทันท่วงที
นายคณิต ฉายรัตนอภิรมย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด กล่าวว่า จากสถานการณ์คอนโดมิเนียมตั้งแต่ปลายปี 2557 เริ่มโอเวอร์ซัปส่งผลให้ปีนี้มีการเปิดตัวโครงการลดลงประมาณ 10% จากปี 2557 การจดทะเบียนและการขอสินเชื่อโครงการแนวสูงได้ลดลงเช่นเดียวกัน จึงคาดการณ์ได้ว่าตลาดคอนโดมิเนียมน่าจะกลับไปสมดุลในอีก 1 ปีครึ่งถึง 2 ปีข้างหน้า ส่วนแนวราบปีนี้ตลาดยังไปได้ดีโดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ โดยด้าน demand มีการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น 8% ส่วนด้าน supply มีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น 3% การจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 9% การขออนุญาตจัดสรรเพิ่มขึ้น 6% และการขอสินเชื่อโครงการเพิ่มขึ้น 15% สอดคล้องกับบริษัทฯ ที่จะโฟกัสไปที่สินค้าแนวราบที่มีความชำนาญในทำเลหลักของเราใน 1-2 ปีข้างหน้า
นายณัฐพล มัททวกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด กล่าวว่า ในปีหน้ายังคงทำตลาดอยู่ในเซกเมนต์และทำเลเดิมที่มีอยู่โดยเฉพาะโซนตะวันออก ซึ่งเป็นโซนที่มีความแข็งแรง สำหรับกลยุทธ์การตลาดนั้น สืบเนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน เราได้เตรียมแผนการตลาดเพื่อมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยในส่วนของสินค้าและโครงการจะใช้กลยุทธ์ “Multi-Segment” สำหรับการสื่อสารและการให้บริการจะใช้กลยุทธ์ “Fast & Intense” นอกจากนี้ยังมีแผนปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ เพื่อเตรียมรองรับการเปิดโครงการใหม่ อีกทั้งให้ลูกค้าได้เข้าถึงและได้รับข้อมูลสินค้าอย่างครบถ้วนมากยิ่งขึ้น