ทุกวันนี้โลกเราเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเกิดจากเทรนด์ของสังคมและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เรากำลังเข้าสู่สังคมของผู้สูงอายุ (Aging Society) โดยในปี 2050 คาดว่าจะมีผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีคิดเป็นสัดส่วน 20% ของประชากรโลก เช่นเดียวกับการขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization) ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมๆ กับความเจริญทางด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย เข้ามามีบทบาททำให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน สังคมโลกก็ยังคงถามหาเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับแนวคิดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Concept) ดังนั้น หากภาคธุรกิจเองมุ่งหวังที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องผลิตสินค้าและบริการที่สามารถตอบโจทย์ เทรนด์เหล่านี้ให้ครอบคลุมในทุกมิติด้วย
เอสซีจี ในฐานะองค์กรต้นแบบด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างยั่งยืน เราลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลากว่า 1 ศตวรรษที่ผ่านมา ในปี 2559 เราตั้งงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาไว้ที่ 6,700 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 8,300 ล้านบาทในปี 2560 ทุกวันนี้เรามีนักวิจัยและพัฒนา 1,629 คน ในจำนวนนี้เป็นนักวิจัยระดับปริญญาเอก (Ph.D.) 107 คน ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อผลิตสินค้าและบริการที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังได้ร่วมสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย
เอสซีจี เชื่อมั่นว่าการส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนาจะนำไปสู่สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม เสริมสร้างคุณค่าให้กับผู้บริโภค รวมถึงส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาว จึงสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานภาครัฐ มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย บริษัทคู่ค้า และภาคเอกชนต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างสรรค์นวัตกรรมและบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในและต่างประเทศ
ตัวอย่างความสำเร็จจากนวัตกรรมที่เกิดขึ้นได้ถูกนำมาแสดงให้ผู้สนใจเข้าชม ภายในงาน SCG Innovative Exposition 2015 ภายใต้แนวคิด Innovation that Cares “นวัตกรรมใส่ใจและสร้างสรรค์ เพื่อทุกวันที่ยั่งยืน” เน้นการพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มที่สามารถนำไปใช้เชิงพาณิชย์ได้ และสร้างคุณค่าสูงสุดให้ลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน มุ่งหวังผลักดันให้องค์กรทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศให้มีศักยภาพที่สามารถแข่งขันได้ในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ภายในงาน SCG Innovative Exposition 2015 ท่านจะได้สัมผัสผลงานนวัตกรรมที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างเอสซีจีกับสถาบันและองค์กรระดับโลก เช่น Eldercare Solution ที่ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนานวัตกรรมการอยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัย เพื่อความปลอดภัย สะดวกสบายและสุขภาวะที่ยืนยาว Bloom : The Room for Living ผลจากการพัฒนานวัตกรรมร่วมกับมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตโครงสร้างซีเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติ และ Anti-Microbial Dental Plaster นวัตกรรมใหม่ของปูนพลาสเตอร์สำหรับงานทันตกรรมรักษาฟัน งานฟันเทียม และงานจัดฟัน ที่เกิดจากความร่วมมือกับคณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น
เอสซีจีไม่เพียงมุ่งสร้างนวัตกรรมเพื่อวันนี้และอนาคตเท่านั้น เราตระหนักอยู่เสมอว่า การสร้างนวัตกรรมจะต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อรักษาสมดุลระหว่าง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เห็นได้ชัดจากการที่เอสซีจีได้รับการคัดเลือกให้เข้าเป็นสมาชิกของ DJSI (Dow Jones Sustainability Indices) เมื่อปี 2547 ซึ่งถือเป็นบริษัทแห่งแรกในอาเซียน และได้รับการประเมินและจัดอันดับในดัชนีวัดประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้เป็นที่ 1 ของโลก ในสาขาอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง (Construction Materials) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ตั้งแต่ปี 2554 - 2558 และอยู่ในระดับ Gold Class ติดต่อกันเป็นปีที่ 8 ตั้งแต่ปี 2551 - 2558 เราเชื่อมั่นว่าการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องลงทุนในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่จะสามารถพัฒนาต่อยอดได้ เพื่อสร้างคุณค่าสูงสุดให้กับทุกภาคส่วน
การสร้างนวัตกรรม คือหัวใจสำคัญที่เป็นกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนให้เอสซีจีเติบโตมาโดยตลอด อยากให้ทุกท่านได้มาร่วมสัมผัสสุดยอดนวัตกรรมที่สร้างสรรค์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน เพื่อที่เราจะได้ร่วมเรียนรู้ และคิดต่อยอดไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ พร้อมร่วมกันเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่ความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืนไปพร้อม ๆ กัน ในงาน “SCG Innovative Exposition 2015” ได้ตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ ณ SCG Experience
“เอสซีจีไม่เพียงมุ่งสร้างนวัตกรรมเพื่อวันนี้และอนาคตเท่านั้น เราตระหนักอยู่เสมอว่า การสร้างนวัตกรรมจะต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อรักษาสมดุลระหว่าง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม”
กานต์ ตระกูลฮุน
กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี
ในขณะเดียวกัน สังคมโลกก็ยังคงถามหาเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับแนวคิดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Concept) ดังนั้น หากภาคธุรกิจเองมุ่งหวังที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องผลิตสินค้าและบริการที่สามารถตอบโจทย์ เทรนด์เหล่านี้ให้ครอบคลุมในทุกมิติด้วย
เอสซีจี ในฐานะองค์กรต้นแบบด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างยั่งยืน เราลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลากว่า 1 ศตวรรษที่ผ่านมา ในปี 2559 เราตั้งงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาไว้ที่ 6,700 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 8,300 ล้านบาทในปี 2560 ทุกวันนี้เรามีนักวิจัยและพัฒนา 1,629 คน ในจำนวนนี้เป็นนักวิจัยระดับปริญญาเอก (Ph.D.) 107 คน ที่จะมาร่วมมือกันสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อผลิตสินค้าและบริการที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังได้ร่วมสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย
เอสซีจี เชื่อมั่นว่าการส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนาจะนำไปสู่สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม เสริมสร้างคุณค่าให้กับผู้บริโภค รวมถึงส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาว จึงสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานภาครัฐ มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย บริษัทคู่ค้า และภาคเอกชนต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างสรรค์นวัตกรรมและบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในและต่างประเทศ
ตัวอย่างความสำเร็จจากนวัตกรรมที่เกิดขึ้นได้ถูกนำมาแสดงให้ผู้สนใจเข้าชม ภายในงาน SCG Innovative Exposition 2015 ภายใต้แนวคิด Innovation that Cares “นวัตกรรมใส่ใจและสร้างสรรค์ เพื่อทุกวันที่ยั่งยืน” เน้นการพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มที่สามารถนำไปใช้เชิงพาณิชย์ได้ และสร้างคุณค่าสูงสุดให้ลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน มุ่งหวังผลักดันให้องค์กรทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศให้มีศักยภาพที่สามารถแข่งขันได้ในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ภายในงาน SCG Innovative Exposition 2015 ท่านจะได้สัมผัสผลงานนวัตกรรมที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างเอสซีจีกับสถาบันและองค์กรระดับโลก เช่น Eldercare Solution ที่ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนานวัตกรรมการอยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัย เพื่อความปลอดภัย สะดวกสบายและสุขภาวะที่ยืนยาว Bloom : The Room for Living ผลจากการพัฒนานวัตกรรมร่วมกับมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตโครงสร้างซีเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติ และ Anti-Microbial Dental Plaster นวัตกรรมใหม่ของปูนพลาสเตอร์สำหรับงานทันตกรรมรักษาฟัน งานฟันเทียม และงานจัดฟัน ที่เกิดจากความร่วมมือกับคณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น
เอสซีจีไม่เพียงมุ่งสร้างนวัตกรรมเพื่อวันนี้และอนาคตเท่านั้น เราตระหนักอยู่เสมอว่า การสร้างนวัตกรรมจะต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อรักษาสมดุลระหว่าง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เห็นได้ชัดจากการที่เอสซีจีได้รับการคัดเลือกให้เข้าเป็นสมาชิกของ DJSI (Dow Jones Sustainability Indices) เมื่อปี 2547 ซึ่งถือเป็นบริษัทแห่งแรกในอาเซียน และได้รับการประเมินและจัดอันดับในดัชนีวัดประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้เป็นที่ 1 ของโลก ในสาขาอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง (Construction Materials) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ตั้งแต่ปี 2554 - 2558 และอยู่ในระดับ Gold Class ติดต่อกันเป็นปีที่ 8 ตั้งแต่ปี 2551 - 2558 เราเชื่อมั่นว่าการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องลงทุนในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่จะสามารถพัฒนาต่อยอดได้ เพื่อสร้างคุณค่าสูงสุดให้กับทุกภาคส่วน
การสร้างนวัตกรรม คือหัวใจสำคัญที่เป็นกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนให้เอสซีจีเติบโตมาโดยตลอด อยากให้ทุกท่านได้มาร่วมสัมผัสสุดยอดนวัตกรรมที่สร้างสรรค์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน เพื่อที่เราจะได้ร่วมเรียนรู้ และคิดต่อยอดไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ พร้อมร่วมกันเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่ความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืนไปพร้อม ๆ กัน ในงาน “SCG Innovative Exposition 2015” ได้ตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ ณ SCG Experience
“เอสซีจีไม่เพียงมุ่งสร้างนวัตกรรมเพื่อวันนี้และอนาคตเท่านั้น เราตระหนักอยู่เสมอว่า การสร้างนวัตกรรมจะต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อรักษาสมดุลระหว่าง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม”
กานต์ ตระกูลฮุน
กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี
