นครปฐม - กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่งมอบไม้จันทน์หอมจากอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ให้กระทรวงวัฒนธรรม ณ สำนักช่างสิบหมู่ จ.นครปฐม สำหรับจัดสร้างพระโกศจันทน์และพระหีบจันทน์ ตามโบราณราชประเพณี ใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
วันนี้( 25 ธ.ค.) นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีส่งมอบไม้จันทน์หอม ให้กับกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อใช้ในการจัดสร้างพระโกศจันทน์ และพระหีบจันทน์ สำหรับงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมีนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานรับมอบ ที่สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
ในพิธีมีผู้บริหารระดับสูงและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อธิบดีกรมศิลปากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชน
นายสุชาติ กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ได้รับพระราชทานโอกาสให้ดูแลรักษาไม้จันทน์หอมอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถือเป็นพุทธบูชาและเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในพระราชพิธีอันทรงเกียรติ โดยไม้จันทน์หอมที่ส่งมอบในครั้งนี้ ได้ผ่านพิธีบวงสรวง การตัด และการแปรรูป จากอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ด้วยความร่วมมือของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และจิตอาสา
ทั้งนี้ ไม้จันทน์หอมที่ส่งมอบ เป็นไม้จากต้นจันทน์หอม จำนวน 20 ต้น แปรรูปเป็นไม้ท่อนจำนวน 130 ท่อน และไม้แผ่นจำนวน 1,000 แผ่น รวมปริมาตรทั้งสิ้น 4.48 ลูกบาศก์เมตร เป็นไม้มงคลชั้นสูง มีลักษณะและคุณภาพเหมาะสม เนื้อไม้ละเอียด มีกลิ่นหอม ตรงตามหลักเกณฑ์ที่สำนักช่างสิบหมู่กำหนด เพื่อนำไปใช้ในการจัดสร้างพระโกศจันทน์และพระหีบจันทน์ตามโบราณราชประเพณี
ด้านนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า พสกนิกรชาวไทยทุกคนต่างน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และพร้อมแสดงความจงรักภักดีด้วยหัวใจ ทำให้การดำเนินการตัดไม้จันทน์หอมและการเคลื่อนย้ายมายังสำนักช่างสิบหมู่ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
หลังจากนี้ กรมศิลปากรจะนำไม้จันทน์หอมแปรรูปดังกล่าว ไปจัดสร้างพระโกศจันทน์ พระหีบจันทน์ และส่วนประกอบอื่น ๆ ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายแบบ โดยต้องอาศัยช่างหลายสาขา ได้แก่ ช่างโลหะ ช่างไม้ประณีต ช่างโกรกฉลุ และช่างประดับลาย ซึ่งทุกขั้นตอนต้องดำเนินการด้วยความละเอียดรอบคอบ ประณีต และพิถีพิถัน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2569
พร้อมกันนี้ จะมีการบันทึกองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดสร้างพระโกศจันทน์และพระหีบจันทน์ ตั้งแต่การจัดหาต้นจันทน์หอม พิธีบวงสรวง การตัดไม้ และขั้นตอนการจัดสร้างโดยละเอียด เพื่อเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของชาติ และสืบทอดองค์ความรู้ให้กับช่างรุ่นต่อไป


