อุดรธานี – ชาวไร่อ้อย 3 สมาคมยื่นหนังสือถึงนายกฯ ร้องราคาอ้อยตกต่ำ–ต้นทุนพุ่ง ไม่สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านรองผู้ว่าฯ รับเรื่องส่งต่อส่วนกลาง
วันนี้ (11 ธ.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี กลุ่มชาวไร่อ้อยจาก 3 สมาคมในพื้นที่ เข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่านนายณัฐพงศ์ คำวงปิ่น รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหา “ราคาอ้อยขั้นต้น ปีการผลิต 2568/2569” ที่กำหนดไว้เพียง 890 บาทต่อตัน ซึ่งชาวไร่มองว่า “ต่ำกว่าความเป็นจริง” และไม่สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีนายไพบูลย์ ฐิติศักดิ์ นายกสมาคมชาวไร่อ้อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.อุดรธานี นายนิยม ตอนเหนือ อุปนายกสมาคมชาวไร่อ้อยอีสานเหนือและนายอดิศักดิ์ พรรคพล ประธานสมาคมชาวไร่อ้อยอีสานเหนือไทยอุดรบ้านผือ ยื่นหนังสื่อกับรองผู้ว่าฯ พร้อมรับเรื่องแทนผู้ว่าฯ ยืนยันเร่งส่งข้อมูลถึงรัฐบาล
นายณัฐพงศ์ คำวงปิ่น รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มชาวไร่อ้อยทั้ง 3 องค์กรแทนผู้ว่าราชการจังหวัด โดยระบุว่า เรื่องที่นำมายื่นในวันนี้เป็น “ความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรหลายจังหวัด” ซึ่งจำเป็นต้องเสนอไปยังส่วนกลางเพื่อดำเนินการในเชิงนโยบาย
ภายหลังรับเรื่อง รองผู้ว่าฯ ยืนยันว่า จังหวัดจะเร่งรัดการส่งเอกสารทั้งหมดไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด พร้อมมอบหมายให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง ประสานงานในรายละเอียดเพื่อให้เรื่องนี้เกิดความคืบหน้า
รองผู้ว่าฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอให้พี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนและได้รับผลกระทบ… ได้สบายใจนะครับ ว่าจังหวัดอุดรธานีจะรีบดำเนินการตามที่ท่านได้ยื่นมาครับ”
นายไพบูลย์ เปิดเผยว่า ปัญหาหลักที่นำมายื่นในวันนี้ คือ “ราคาอ้อยที่ต่ำ” โดยราคา 890 บาทต่อตันที่ประกาศใช้ในปัจจุบันถือว่าต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับทุกเขตทั่วประเทศ
ตามหลักการประเมินราคาอ้อยที่คิดอัตรา 95% ของราคาประเมินจริง ชาวไร่อ้อยควรได้ราคาประมาณ 950–960 บาทต่อตัน แต่โรงงานยังคงรับซื้อเพียง 890 บาท ทำให้เกิดส่วนต่างที่ชาวไร่ต้องสูญเสียไป “เราต้องการราคาที่เป็นธรรม โดยทุกเขตควรคิดที่ 95% ของราคาอ้อยที่ประเมิน เพื่อให้ชาวไร่อ้อยได้รับในสิ่งที่ควรได้ครับ”
ต้นทุนจริงสูงถึง 1,358 บาท/ตัน – ขอสนับสนุนไร่ละ 200 บาทช่วยชาวไร่ไม่ให้ขาดทุน
นายไพบูลย์ เผยว่า ชาวไร่อ้อยมีต้นทุนการผลิตจริงอยู่ที่ 1,358 บาทต่อตัน หากได้รับเพียง 900 กว่าบาทต่อตันก็ยังคงขาดทุนอย่างหนัก จึงขอให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนปัจจัยการผลิต “ไร่ละ 200 บาท” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลที่ให้ตัดอ้อยสดทั้งหมด เพื่อลดปัญหา PM 2.5 เป็นนโยบายที่ชาวไร่อ้อยพร้อมสนับสนุน แต่การตัดอ้อยสดมีต้นทุนสูงกว่าอ้อยไฟไหม้ถึง “สามเท่า” ทำให้ภาระของชาวไร่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ชาวไร่อ้อยจึงเรียกร้องให้รัฐบาลปรับเพิ่ม “ค่าช่วยเหลือตัดอ้อยสด” เป็น 120 บาทต่อตัน จากเดิมที่ให้เพียง 69 บาทต่อตัน โดยปีนี้ยังคงมีการเสนอเพียง 69 บาทเช่นเดิม ซึ่งไม่เพียงพอต่อค่าจ้างและต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น
นายไพบูลย์ เปิดเผยว่า ปัญหาและข้อเสนอเหล่านี้เคยถูกนำเสนอในที่ประชุมแล้ว แต่พบว่าข้าราชการที่เกี่ยวข้อง “ไม่ได้รับฟังอย่างครบถ้วน” ส่งผลให้ข้อเสนอสำคัญหลายอย่างไม่นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) “เราต้องการให้ข้อมูลจริงส่งถึงรัฐบาลและ ครม. โดยตรง เพื่อสะท้อนปัญหาที่แท้จริงของพี่น้องชาวไร่อ้อย”
ทั้งนี้ วันที่ 12 ธ.ค. ชาวไร่อ้อยจาก 4 องค์กรทั่วประเทศ จะเดินทางเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมอีกครั้ง เพื่อยื่นข้อเสนอทั้งหมดอย่างเป็นทางการ
นายไพบูลย์ ทิ้งท้ายว่า หากรัฐบาลเห็นชอบในหลักการ 95% ชาวไร่อ้อยจะได้รับราคาเพิ่มขึ้น 60–70 บาทต่อตัน ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรได้อย่างมาก


