พระนครศรีอยุธยา - แม้น้ำเจ้าพระยาลดระดับ แต่ 13 อำเภออยุธยายังท่วมหนัก ทุ่งบางบาลระบายน้ำยากแช่นานกว่า 3 เดือน บุคลากรสาธารณสุขและ อสม. ต้องลุยน้ำล้างโคลน รพ.สต.วัดยม ขณะที่ชาวบ้านโอดค่าชดเชยไม่คุ้มความเสียหาย
วันนี้( 9 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แม้เขื่อนเจ้าพระยาลดการระบายน้ำท้ายเขื่อนเหลือ 1,180 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่พื้นที่อยุธยายังคงได้รับผลกระทบหนักถึง 13 อำเภอ ครอบคลุม 160 ตำบล 1,017 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อนกว่า 71,236 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 20 ราย วัดถูกน้ำท่วม 38 แห่ง โรงเรียน 33 แห่ง มัสยิด 2 แห่ง และถนนหมู่บ้านกว่า 58 สายยังถูกน้ำท่วม รวมถึงสถานที่ราชการอีก 8 แห่ง
จากทั้งหมด 16 อำเภอของจังหวัด ยังมี 13 อำเภอที่น้ำยังท่วมขัง ได้แก่ เสนา ผักไห่ บางบาล บางไทร พระนครศรีอยุธยา บางปะอิน บางปะหัน บางซ้าย บ้านแพรก ลาดบัวหลวง มหาราช นครหลวง และวังน้อย แม้ระดับน้ำเริ่มลดลง แต่หลายพื้นที่ยังถูกน้ำขังมานานกว่า 3 เดือน โดยเฉพาะทุ่งรับน้ำในอำเภอบางบาล ซึ่งการระบายออกทำได้ช้า ทำให้บ้านเรือนจำนวนมากยังคงจมอยู่ในน้ำและโคลนหนา
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ รพ.สต.วัดยม หมู่ 1 ตำบลกบเจา อำเภอบางบาล พบแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ และ อสม. กว่าสิบคนช่วยกันขัดล้างคราบดิน–คราบโคลนภายในอาคาร แม้ชั้นล่างยังมีน้ำสูงกว่า 30 เซนติเมตร เจ้าหน้าที่ต้องยืนแช่น้ำพร้อมใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดอย่างเร่งด่วน เนื่องจากหากปล่อยให้โคลนแห้งจะฝังแน่นและสร้างความเสียหายมากขึ้น
ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ระดับน้ำในทุ่งบางบาลลดลงราว 1 เมตร แต่ยังคงท่วมกว้างขวางเพราะเป็นพื้นที่รับน้ำโดยตรง
นายสม อายุ 69 ปี ชาวบางบาล เล่าอย่างท้อใจว่า น้ำท่วมครั้งนี้ยืดเยื้อนานเกินทน และไม่รู้ว่าจะกลับมาเป็นปกติเมื่อใด “ไม่รู้อีกกี่วันจะแห้ง…หลังปีใหม่ก็ไม่แห้ง เพราะน้ำเข้ามาแล้วออกทางเดียวที่ประตูวัดใหม่กบเจา อีกเดือนก็ไม่ลง ชาวบ้านก็ต้องทนอยู่แบบนี้ ปัญหาน้ำท่วมในทุ่งบางบาลเป็นปัญหาซ้ำซากหลายรัฐบาล แต่ไม่เคยได้รับการแก้ไขจริงจัง
“เขาพูดกันมาเยอะ แต่ทำไม่ได้สักที เราอยู่กับน้ำมาตั้งแต่เกิด แต่ท่วมหนักแบบนี้จะให้ชินได้ยังไง หมาแมวยังอยู่ไม่ได้เลย ทำนาก็ไม่ได้”
ชาวบ้านระบุว่า พื้นที่ทุ่งบางบาลเป็นบ่อรับน้ำธรรมชาติ น้ำเข้ามาเร็วแต่ระบายออกยาก หลายบ้านเพิ่งแห้ง บางบ้านยังเป็นโคลน บางบ้านจมอยู่ในระดับที่สูงจนใช้ชีวิตลำบาก คาดว่าหลังปีใหม่วันที่ 10 มกราคม ก็ยังไม่สามารถเริ่มทำนาได้
แม้น้ำจะลดลงวันละประมาณ 1 เซนติเมตร แต่ยังทรงตัวในหลายพื้นที่ ชาวบ้านต้องอยู่กับน้ำเฉลี่ยปีละ 3 เดือนหรือมากกว่า และยังเสี่ยงถูกน้ำหลากในรอบปีถัดไปอีกครั้งหากต้องรับน้ำเข้าทุ่งตามระบบเดิม
สถานการณ์น้ำท่วมในอยุธยายังคงต้องจับตาใกล้ชิด ขณะที่ชุมชนจำนวนมากต้องเร่งฟื้นฟูบ้านเรือนและสถานที่ราชการให้กลับมาใช้งานได้ แม้ระดับน้ำยังคงสูงและความเดือดร้อนยังไม่สิ้นสุด.


