สมุทรสงคราม - เกษตรกรสมุทรสงครามรวมตัวยื่นหนังสือร้องพาณิชย์จังหวัด หลังราคามะพร้าวอ่อนตกฮวบเหลือผลละ 2–3 บาทต่ำกว่าต้นทุน เร่งรัฐอุ้มด่วน-ชดเชย ขายได้อย่างน้อยผลละ 10 บาท
นายชัยยันต์ เจียมศิริ ประธานเครือข่ายปรับปรุงคุณภาพไม้ผลจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า ปัจจุบันราคามะพร้าวอ่อนตกฮวบเหลือผลละ 2–3 บาท ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวอ่อนหรือมะพร้าวน้ำหอม จึงได้รวมตัวกันรวมตัวยื่นหนังสือร้องพาณิชย์จังหวัดสมุทรสงคราม นำโดยนายสมฤทธิ์ วงษ์สวัสดิ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดสมุทรสงคราม และนายวิชัย กรรมาชีพ รองประธานสมาพันธ์ชาวสวนมะพร้าวจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมสมาชิกสภาเกษตรกรและที่ปรึกษา ได้เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์เพื่อสะท้อนปัญหาราคามะพร้าวอ่อนตกต่ำต่อกระทรวงพาณิชย์ โดยมีนางสาวยุพา นาคา พาณิชย์จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นผู้รับเรื่อง เมื่อวานนี้( 24 พ.ย.)
การยื่นหนังสือดังกล่าว สืบเนื่องจากสถานการณ์ราคามะพร้าวอ่อนที่เกษตรกรเผชิญมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน โดยเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ตัวแทนเกษตรกรได้ร้องเรียนต่อสภาเกษตรกรจังหวัด หลังราคาผลผลิตตกต่ำอย่างหนัก สภาเกษตรกรฯ จึงลงพื้นที่สำรวจหลายตำบลพบว่าราคาหน้าสวนเหลือเพียงผลละ 2–3 บาท ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตอย่างมาก ส่งผลให้เกษตรกรมีความเสี่ยงอาจไม่สามารถประคองอาชีพได้ในระยะยาว
เกษตรกรจึงนำเสนอแนวทางแก้ไขทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยมาตรการเร่งด่วนเสนอให้ภาครัฐอุดหนุนงบประมาณเพื่อชดเชยราคา หากราคาหน้าสวนต่ำกว่า 10 บาทต่อผลให้รัฐช่วยชดเชยเพื่อให้สามารถจำหน่ายได้อย่างน้อยผลละ 10 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาที่ช่วยให้เกษตรกรดำรงชีพและดูแลสวนต่อไปได้ พร้อมช่วยพยุงเสถียรภาพราคาไม่ให้ตกต่ำไปกว่านี้
ส่วนมาตรการระยะยาว ขอให้รัฐเร่งเปิดตลาดส่งออกสินค้าเกษตรมากขึ้น พร้อมผลักดันมาตรฐานการผลิตและสนับสนุนผู้ประกอบการแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างความสามารถในการแข่งขันของมะพร้าวอ่อนสมุทรสงคราม ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดในประเทศเพียงอย่างเดียว อีกทั้งจะทำให้ราคามีเสถียรภาพยิ่งขึ้น
นายชัยยันต์ กล่าวว่า ปัจจุบัน ราคามะพร้าวอ่อนเหลือเพียง 2–3 บาท ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อครัวเรือนเกษตรกร ทั้งค่าปุ๋ย ค่าแรงงาน และค่าดูแลสวน หลายครัวเรือนเริ่มขาดสภาพคล่อง บางรายต้องกู้หนี้ ขณะที่บางสวนจำเป็นต้องลดต้นทุนจนกระทบคุณภาพผลผลิต หากไม่มีมาตรการช่วยเหลือ อาจนำไปสู่การโค่นต้นหรือเลิกอาชีพ ซึ่งจะกระทบเศรษฐกิจฐานรากอย่างหนัก พร้อมระบุว่ากลุ่มเกษตรกรเตรียมยื่นหนังสือต่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เพื่อขอให้ตั้งงบประมาณชดเชยราคามะพร้าวในช่วงวิกฤตเป็นประจำทุกปี
ทั้งนี้ จังหวัดสมุทรสงครามมีพื้นที่ปลูกมะพร้าวอ่อน 12,485 ไร่ มีพื้นที่ให้ผลผลิต 11,034 ไร่ รวม 2,492 ครัวเรือน โดยผลผลิตปี 2567 รวม 33,723 ตัน คิดเป็นมูลค่า 658 ล้านบาท ซึ่งการตกต่ำของราคาครั้งนี้จึงนับเป็นวิกฤตสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ด้านนางสาวยุพา นาคา พาณิชย์จังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดฯ ได้ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนมะพร้าวอ่อนจังหวัดสมุทรสงครามในระยะเร่งด่วน โดยได้เชื่อมโยงตลาดให้เกษตรกรนำสินค้าไปจำหน่ายในงานแสดงสินค้าทั้งในจังหวัดสมุทรสงคราม และนอกพื้นที่ รวมถึงรับออเดอร์จากภาคเอกชน ในส่วนของการลดต้นทุนการผลิต สำนักงานพาณิชย์จังหวัดฯได้ประชาสัมพันธ์โครงการลดราคาปุ๋ยเคมีเพื่อเกษตรกร ปี 2568
โดยจำหน่ายปุ๋ยเคมีในราคาถูกกว่าท้องตลาดให้แก่เกษตรกรผ่านสถาบันเกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงปัจจัยการผลิตที่จำเป็นในราคาประหยัด แต่ไม่มีสถาบันเกษตรกรและเกษตรกรสมัครเข้าร่วม โครงการดังกล่าว อย่างไรก็ตามการดำเนินการในระยะยาวเกษตรกรควรมีการรวมกลุ่มเพื่อให้เกิดการบริหารจัดการ การผลิต การตลาด การแปรรูป รวมถึงการรื้อฟื้นการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) มะพร้าวอ่อนสมุทรสงคราม หลังจากเคยยื่นคำขอในปี 2553 แต่ไม่สำเร็จ ในส่วนของหนังสือร้องทุกข์ที่สำนักงานฯ ได้รับในวันนี้จะได้นำเรียนท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม และกรมการค้าภายในทราบและพิจารณาต่อไป


