พระนครศรีอยุธยา - สถานการณ์น้ำท่วมใน อ.เสนา อยุธยา ยังหนักต่อเนื่อง วัดบันไดช้างถูกน้ำขังนานกว่า 3 เดือน พระ–ชาวบ้านเดือดร้อนทั่วหน้า เมรุใช้การไม่ได้ ต้องนำศพไปเผาที่วัดบ้านแพนไกลกว่า 8 กม. ขณะพระอุโบสถจม 50 ซม. หลวงพ่อดำถูกน้ำกัดฐานเสียหายหนัก
วันนี้ (15 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังคงอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วงอย่างต่อเนื่อง โดยพื้นที่วัดบันไดช้าง ตำบลหัวเวียง ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน ถูกน้ำท่วมขังต่อเนื่องยาวนานกว่า 3 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงปัจจุบัน สภาพพื้นที่ภายในวัดทั้งกำแพงวัด โบสถ์ เมรุ ศาลาการเปรียญ กุฎิพระ และอัฐิเก็บกระดูกของบรรพบุรุษจมอยู่ใต้น้ำทั้งหมด
พระครูพิบูลรัตนากร อายุ 59 ปี เจ้าคณะตำบลหัวเวียง เจ้าอาวาสวัดบันไดช้าง เปิดเผยว่า “น้ำท่วมตั้งแต่กันยายน…สามเดือนแล้วโยม พระก็ลำบาก ชาวบ้านก็ลำบาก เมรุก็ใช้ไม่ได้ ถ้ามีใครเสียชีวิตต้องพาไปเผาที่วัดบ้านแพน ไกลตั้ง 8 กิโลเมตร ญาติเขาก็ทุกข์กันมาก”
ภายในพระอุโบสถ ระดับน้ำสูงกว่า 50 เซนติเมตร ขณะที่พระพุทธรูปสำคัญ “หลวงพ่อดำ” ซึ่งตั้งประดิษฐานบริเวณหน้าโบสถ์ ถูกน้ำท่วมถึงฐานจนเกิดความเสียหาย เจ้าอาวาสระบุว่า เมื่อน้ำลดจำเป็นต้องบูรณะ และปิดทองใหม่ทั้งองค์ เนื่องจากน้ำกัดฐานจนชำรุดอย่างหนัก
ด้านเมรุเผาศพได้รับผลกระทบหนัก ระบบไฟฟ้าถูกน้ำท่วมจนชำรุดไม่สามารถใช้งานได้ ส่งผลให้ผู้เสียชีวิตในพื้นที่ต้องเดินทางไปประกอบพิธีที่วัดบ้านแพนแทน ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 8 กิโลเมตร สร้างความเดือดร้อนให้ญาติผู้เสียชีวิตเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ เงินกฐินและผ้าป่าที่ชาวบ้านตั้งใจรวบรวมไว้เพื่อบูรณะวัดในปีนี้ ยังต้องถูกนำมาใช้ซ่อมแซมส่วนต่างๆ หลังน้ำลดแทน ทำให้ภาระของวัดและพระสงฆ์หนักขึ้น ขณะพระหลายรูปไม่สามารถออกบิณฑบาตได้ เนื่องจากน้ำท่วมเส้นทางสัญจรรอบวัดสูงต่อเนื่อง
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้วัดบันไดช้างและชาวบ้านในพื้นที่ตำบลหัวเวียง ยังคงต้องเผชิญความลำบาก โดยไม่รู้ว่าน้ำจะลดลงเมื่อใด และอีกนานเพียงใดจึงจะได้เห็นพื้นวัดกลับมาแห้งสนิทอีกครั้ง


