ศูนย์ข่าวภาคเหนือ - น่าฉงน ท่ามกลางปัญหามลพิษเหมืองแร่ข้ามพรมแดน-น้ำกก น้ำสาย น้ำรวก ยันน้ำโขง ปนเปื้อน..รัฐบาลเมียนมาบอกไม่เคยอนุญาตส่งออกแร่ แต่ไทยนำเข้าสินแร่พม่าผ่านด่านฯชายแดนภาคเหนือ 4 จังหวัด พุ่งพรวดปีเดียวเกือบหมื่นล้าน
รายงานข่าวจากสำนักงานศุลกากรภาค 3 แจ้งว่าในปี 2568 มีเอกชนที่นำเข้ามากกว่า 40 ราย การนำเข้าสินแร่แมงกานีสจากประเทศเมียนมาผ่านด่านศุลกากรชายแดนภาคเหนือ 4 จังหวัด คือ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก ทั้งสิ้น 9,825.92 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2567 ที่นำเข้าราว 2,000 กว่าล้านบาท ถึง 7,714.31 ล้านบาท
โดยด่านฯแม่สาย จ.เชียงราย มีการนำเข้าแร่แมงกานิสมูลค่า 1.54 ล้านบาท สินแร่ตะกั่วมูลค่า 41.36 ล้านบาท ด่านศุลกากรเชียงแสน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย มีการนำเข้าแร่พลวงมูลค่า 138.20 ล้านบาท เฟอร์โรแมงกานีสและซิลิคอนแมงกานีสมูลค่า 59.25 ล้านบาท ด่านศุลกากรเชียงของ อ.เชียงของ จ.เชียงราย มีการนำเข้าแร่พวงมูลค่า 8.21 ล้านบาท รวมมูลค่าการนำเข้าสินค้าผ่าน จ.เชียงราย มูลค่า 248.56 ล้านบาท มากกว่าปี 2567 มูลค่า 8.21 ล้านบาท
นอกจากนี้มีการนำเข้าทางด่านศุลกากรแม่ฮ่องสอนและแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เป็นดีบุก แร่พลวง ฯลฯ มูลค่ารวม 21.53 ล้านบาท ด่านศุลกากรแม่สอด จ.ตาก นำเข้าสินแร่ทองคำมูลค่า 0.97 ล้านบาท แร่ดีบุกมูลค่า 29.07 ล้านบาท แร่พลวงมูลค่า 3,327.36 ล้านบาท และโลหะพลวงที่ยังไม่ได้ขึ้นรูปมูลค่า 6,555.82 ล้นบาท
ด้านอาจารย์ ดร.สืบสกุล กิจนุกร จากเครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำ กก สาย รวก โขง เปิดเผยว่าจากตัวเลขทั้งหมดได้กลายเป็นคำถามว่าแร่ที่นำเข้ามาจากเหมืองแร่แหล่งไหนในประเทศเมียนมา และเหมืองแร่ดังกล่าวก่อให้เกิดมลพิษต่อแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง ที่ไหลลงประเทศไทยหรือไม่
ซึ่งภาคประชาชนมองว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยจะต้องเข้าไปตรวจสอบ ส่วนเอกชนที่นำเข้าก็มีหน้าที่ที่จะแสดงแหล่งกำเนิดแร่ดังกล่าว แม้แต่รัฐบาลเมียนมาก็ต้องแจ้งแหล่งที่มา หากตอบไม่ได้ประเทศไทยมีสิทธิ์ยุติการนำเข้าชั่วคราวจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่ามาจากแหล่งที่ไม่กระทบกับแม่น้ำสายต่างๆ
“สิ่งที่น่าตกใจมากก็คือ เมื่อการเจรจาระหว่างตัวแทนประเทศไทยกับประเทศเมียนมาเมื่อเร็วๆ นี้ได้คำตอบว่ารัฐบาลกลางเมียนมาไม่ได้อนุญาตให้มีเหมืองแร่ในรัฐฉานแต่อย่างใด”
รายงานข่าวแจ้งว่าที่ผ่านมามีการตรวจพบเหมืองแร่ในรัฐฉานหลายแห่ง โดยฝ่ายปกครอง อ.แม่สาย เคยมีรายงานเมื่อปี 2567 ว่ามีเหมืองอยู่เหนือแม่น้ำสาย 4 แห่ง 2 แห่งแรกเป็นเหมืองแร่แมงกานิสและทองคำตั้งอยู่ที่บ้านแม่โจ๊กและบ้านนายาว จ.เมืองสาด ส่วนอีก 2 แห่งเป็นเหมืองแร่แมงกานีสและสังกะสีตั้งอยู่ที่บ้านน้ำปุงใหม่และน้ำพุร้อนใหม่ จ.เมืองสาด ทั้งหมดตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำสายหรือแม่น้ำสาขา
ขณะที่มูลนิธิมนุษยชนไทใหญ่ระบุว่าภาพถ่ายดาวเทียมพบเหมืองแร่หายาก (แรร์เอิร์ธ) 2 แห่ง อยู่ระหว่างเมืองยอนและ จ.เมืองสาด ห่างจากชายแดนไทยด้าน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ประมาณ 25 กิโลเมตร แห่งแรกห่างจากแม่น้ำกก 3.6 กิโลเมตร และแห่งที่ 2 ตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำห่างออกไปเพียง 2.6 กิโลเมตร
ส่วนเขตปกครองพิเศษที่ 4 ชายแดนเมียนมา-จีน ซึ่งปกครองโดยกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติ (NDAA) พบเหมืองแรร์เอิร์ธ จำนวน 16 แห่ง ทั้งในเขตเมืองยองและภาคตะวันออกที่ห่างจากแม่น้ำโขงประมาณ 40 กิโลเมตร มีการปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำโขงที่เมืองสบโหลยชายแดนไทยเมียนมา-สปป.ลาว ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียราย ประมาณ 125 กิโลเมตร
นอกจากเหมืองแรร์เอิร์ธแล้ว ยังมีเหมืองชนิดอื่นๆ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโหลย เช่น แมงกานีส ที่เมืองแอ่นและเมืองหลอยหล้า ฯลฯ
เขตปกครองพิเศษที่ 2 ของว้าแดงก็พบมีการทำเหมืองแรร์เอิร์ธที่เมืองป๊อก ชายแดนเมียนมา-จีน จำนวน 26 แห่ง กระจายอยู่ในเขตภูเขาทางตอนใต้ ห่างตัวเมืองออกไปประมาณ 3-4 กิโลเมตร โดยใช้ลำน้ำปายในกิจการเหมืองแร่ ฯลฯ.