เชียงราย/รัฐฉาน - จี้รัฐบาลใหม่ไม่ว่าใครจะเป็นนายกฯ..งดนำเข้าสินแร่รัฐฉาน กดดันเลิกเหมืองต้นน้ำกก-น้ำสาย แก้ปัญหาสารพิษ-โลหะหนักปนเปื้อน หลังต้องหาแหล่งน้ำอุปโภคบริโภคกันวุ่น
ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมาประเทศไทยได้นำเข้าแร่สำคัญจำนวน 9 ชนิดมาจากรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ผ่านทางจุดผ่านแดนถาวรแม่สาย เป็นมูลค่าจำนวนมาก โดยปี 2566 มีการนำเข้าสินแร่ตะกั่วน้ำหนัก 21,660,820 กิโลกรัม ปี 2567 นำเข้าน้ำหนัก 11,214,240 กิโลกรัม และเดือน ม.ค.-ก.ค. 2568 นำเข้าน้ำหนัก 7,039,610 กิโลกรัม รวมทั้งหมด 21,943,605 กิโลกรัม
นอกจากนี้มีการนำเข้าสินแร่แมงกานีสในปี 2564 น้ำหนัก 7,261,855 กิโลกรัม ปี 2565 น้ำหนัก 20,505,925 กิโลกรัม ปี 2566 น้ำหนัก 20,768,140 กิโลกรัม ปี 2567 น้ำหนัก 12,274,876 กิโลกรัม รวมทั้งหมด 75,209,761 กิโลกรัม,สินแร่ทองแดง มีการนำเข้าในปี 2564 น้ำหนัก 7,261,855 กิโลกรัม ปี 2565 น้ำหนัก 3,107,375 กิโลกรัม ปี 2566 น้ำหนัก 3,119,560 กิโลกรัม รวมทั้งหมด 13,488,790 กิโลกรัม,แร่ดีบุก นำเข้าในปี 2565 น้ำหนัก 1,553 กิโลกรัม และสังกะสีมีการนำเข้าในปี 2564 น้ำหนัก 383,490 กิโลกรัม
อาจารย์ ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการจากสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และเครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำ กก สาย รวก โขง เปิดเผยว่า เหตุการณ์พายุวิภาพัดผ่านพื้นที่รัฐฉานและภาคเหนือของไทยเมื่อเดือน ส.ค. 2568 เป็นสิ่งยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าพอหยุดทำเหมืองในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำกกเพราะเป็นเหมืองใหม่ที่ยังไม่มีถนนหนทางหรือระบบสาธารณูปโภคดีพอ ทำให้คุณภาพน้ำในแม่น้ำกกดีขึ้นโดยไม่มีสารปนเปื้อน โดยเฉพาะสารหนูอย่างทันตาเห็น ส่วนแม่น้ำสายเป็นเหมืองเก่าที่มีการทำถนนไปถึงทำให้ไม่มีการหยุดดำเนินการส่งผลให้มีสารหนูเกินค่ามาตรฐานตลอดสายน้ำ
ดังนั้นตนจึงขอเสนอไปยังรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ให้มาก หลังจากที่ผ่านมาไม่ได้ให้ความสำคัญอย่างเข้มข้น สิ่งที่รัฐบาลทำครั้งล่าสุดคือวันที่ 20 ส.ค.มีการประชุมไทย-เมียนมา และตกลงจะตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อตรวจสอบคุณภาพน้ำ แต่ก็ไม่มีกำหนดการตั้งคณะกรรมการที่ชัดเจนจึงไม่อาจรู้ได้ว่าจะตั้งกันเมื่อไหร่ ทำให้เหมืองในเมียนมายังคงส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ขอให้รัฐบาลใช้มาตรการกดดันด้วยการงดนำเข้าสินแร่ต่างๆ จากรัฐฉาน ไม่เช่นนั้นผลกระทบจะมีต่อไปอย่างไม่มีสิ้นสุด โดยเฉพาะต่อการผลิตน้ำประปาการประปาส่วนภูมิภาคเคยใช้น้ำดิบจากแม่น้ำสายและแม่น้ำกก รวมถึงน้ำโขง มาผลิตน้ำประปาให้ประชาชนบริโภค ปัจจุบันจำเป็นต้องหาแหล่งน้ำใหม่แล้ว เนื่องจากน้ำมีการปนเปื้อนของสารโลหะหนัก เบื้องต้นทราบว่าเจ้าหน้าที่ได้หันไปศึกษาการใช้น้ำดิบจากแม่น้ำคำเพื่อนำไปใช้ในพื้นที่ชายแดน อ.แม่สาย แต่จะต้องมีการทำอ่างเก็บน้ำรองรับจึงต้องใช้งบประมาณจำนวนมากและคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่ที่ดูแลกรมชลประทานจะช่วยเหลือก่อสร้างอย่างรวดเร็ว
ส่วนพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย ซึ่งใช้แม่น้ำกกแต่เมื่อพบสารปนเปื้อนก็จะหันไปใช้แม่น้ำลาว ซึ่งไม่ต้องสร้างอ่างเก็บน้ำรองรับเหมือนแม่น้ำคำแต่อย่างใด