เมียวดี - ทหารเมียนมาปฏิบัติการ “ออง เซยะ” รอบใหม่ เดินหน้าถล่ม-รุกเข้าเมียวดี ล่าสุดยึดคืนค่ายปางกานที่เคยโดนกะเหรี่ยงตีแตกตั้งแต่เมษาฯ 67 พร้อมส่งกำลังพลติดอาวุธลาดตระเวนคุม AH1 เส้นทางยุทธศาสตร์การค้าแม่สอด-เมียวดี-ย่างกุ้ง-เมาะละแหม่ง
รายงานข่าวจากชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก แจ้งว่า กองกำลังทหารเมียนมาจากกองบัญชาการปฏิบัติการที่ 4 ซึ่งดูแลพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง ได้ส่งกำลังพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์เสริมเข้าปิดล้อมโจมตีเพื่อยึดคืนเมืองเมียวดี ตรงข้ามกับ จ.ตาก อย่างหนักต่อเนื่อง
ล่าสุดมีรายงานว่าทหารเมียนมารวมพลเข้ายึดคืนกันครั้งใหญ่อยู่ที่ค่ายปางกาน ห่างจากชายแดนไทย-เมียนมา ตรงสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 1-2 เพียงประมาณ 8-12 กิโลเมตร โดยค่ายดังกล่าวเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ทุกฝ่ายต้องการเพราะสามารถควบคุมพื้นที่รัฐกะเหรี่ยงได้เป็นบริเวณกว้าง
เดิมค่ายแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของกองบังคับการยุทธวิธี (บก.ยว.) ของทหารเมียนมา แต่ถูกกองกำลังกะเหรี่ยงโจมตีจนยึดได้เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา การบุกเข้ายึดคืนฐานปางกานของทหารเมียนมาทำให้เกิดการต่อสู้กันอย่างหนัก แต่ก็ถูกทหารเมียนมาบุกยึดคืนได้ในที่สุด รวมทั้งได้ส่งกำลังพลติดอาวุธลาดตระเวนคุมพื้นที่บนถนนสาย AH1 เส้นทางยุทธศาสตร์การค้าแม่สอด-เมียว-ย่างกุ้ง/เมาะละแหม่ง ที่ถูกกองกำลังฝ่ายต่อต้านปิดมายาวนานร่วม 2 ปี
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ตลอดระยะเวลาร่วม 2 ปีที่ผ่านมากองกำลังกะเหรี่ยงโดยเฉพาะสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNU (The Karen National Union) และกองทัพปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง หรือ KNLA (Karen National Liberation Army) ได้บุกโจมตีฐานที่มั่นของทหารเมียนมาไปตลอดแนวแม่น้ำเมยซึ่งเป็นชายแดนไทย-เมียนมา และสามารถยึดฐานที่มั่นได้หลายแห่งรวมทั้งวางกำลังเอาไว้บนเทือกเขาดอนะซึ่งทอดยาวอยู่ในรัฐกะเหรี่่ยง จนทำให้หลายฝ่ายคาดว่าจะสามารถสถาปนาความมั่นคงเอาไว้ได้
แต่ปรากฏว่าทางกองทัพเมียนมาได้ปัดฝุ่นปฏิบัติการ "อ่อง เซยะ" รอบใหม่ โดยมีการเสริมกำลังเข้าสู่รัฐกะเหรี่ยงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะบนเทือกเขาดอนะ บางจุดที่เคยมีเพียงกองพลเดียว เช่น กองพล ร.เบา ที่ 55 ที่รับผิดชอบพื้นที่ก็ได้เพิ่มกองกำลังเข้าไปสนับสนุนอีก 2 กองพลคือ กองพล ร.เบา ที่ 44 และกองพลที่ 22 เป็นต้น ทำให้มีการรวบรวมกำลังโจมตีฐานทหารกะเหรี่่ยงบนเทือกเขาดอนะได้สำเร็จ
นอกจากนี้มีรายงานว่าทหารเมียนมาได้เปลี่ยนยุทธวิธีแทนที่จะบุกเข้าโจมตีแบบตรงๆ ก็หันไปใช้เส้นทางเลี่ยงและอ้อมเข้าโจมตีด้านหลังฐานทหารกะเหรี่ยงแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งการต่อสู้ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ผู้คนในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นประจำทุกคืน
กระทั่งคืนวันที่ 5 ก.ย. 2568 มีเสียงดัง 2-3 ครั้ง แต่ยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนว่าทางกองทัพเมียนมาจะรุกคืบเข้ามาในเขต จ.เมียวดี ได้หรือไม่
เนื่องจากใน จ.เมียวดี และพื้นที่รัฐกะเหรี่ยงยังมีกองกำลังต่างๆ วางกำลังอยู่อีกหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่ม KNU, KNLA, กองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย หรือ DKBA (Democratic Karen Buddhist Army) ในตัวเมืองยังมีกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNA (Karen National Army) พล.ต.หม่องชิตตู่ ผู้เลื่องชื่อ ซึ่งแปลงไปเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดนให้กับรัฐบาลทหารเมียนมา หรือ BGF (Border Guard Force)
อนึ่ง ตัวแปรที่สำคัญยังคงเป็นกองกำลัง BGF ว่าจะให้การสนับสนุนฝ่ายใด และยากจะคาดเดาเพราะ พล.ต.หม่องชิตตู่ มักเลือกเข้ากับฝ่ายที่ได้เปรียบเสมอ ดังตัวอย่างเมื่อต้นปี 2567 ซึ่งร่วมกับ KNU โจมตีฐานทหารเมียนมาในตัวเมืองเมียวดี แต่ต่อมาทหารเมียนมาขู่ใช้เครื่องบินโจมตีเมืองทำให้หันกลับไปเข้ากับรัฐบาลทหารเมียนมาเช่นเดิม
เมื่อกองกำลังทหารเมียนมารุกคืบเข้าเมียวดีมาเรื่อยๆ ก็มีรายงานว่ากองกำลัง BGF รวมถึง DKBA ได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ พล.ต.หม่องชิตตู่ก็ได้ประกาศสนับสนุนการจัดการเลือกตั้งทั่วประเทศตามนโยบายของรัฐบาลหารเมียนมา ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย นำทหารยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อต้นปี 2564 โดยการเลือกตั้งจะมีขึ้นตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2568-ม.ค. 2569