เมียวดี – กองทัพเมียนมา เดินหน้าข้ามเขาตะนาวสีถล่มกะเหรี่ยงต่อเนื่อง หวังยึดเมียวดีคืน-คุมเส้นทางการค้า AH1 แต่ยังรุกคืบไม่สำเร็จ หลังสกัดสินค้าไทยเข้าพื้นที่ชั้นใน ตัดเส้นทางการเงินชนกลุ่มน้อยฝ่ายต่อต้าน จนขบวนสินค้าไทยค้างเติ่งหน้าด่านแม่สอดมาตั้งแต่กลางเดือนสิงหาฯ
วันนี้(6 ก.ย.68) สถานการณ์สู้รบระหว่างทหารกองทัพเมียนมา กับฝ่ายต่อต้าน ในพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง ตรงข้ามชายแดนพบพระ-แม่สอด จ.ตาก ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะห่วงตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน กองทัพพม่าได้เคลื่อนขบวน พร้อมยิงปืนใหญ่เข้าโจมตี เป้าหมายเพื่อหวังยึดเมืองเมียวดี หัวเมืองชายแดนตรงข้ามแม่สอด ที่เป็นช่องทางการค้าที่สำคัญตามแนวเส้นทางสายเอเชีย หรือ AH1 ที่ถูกฝ่ายต่อต้านปิดเส้นทางมายาวนานร่วม 2 ปี
แต่ทหารจากกองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army–KNLA) ของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union-KNU)และกองกำลังกลุ่มพันธมิตร เช่น กองกำลังพิทักษ์ประชาชน ( People's Defence Force: PDF) ต้านทานไว้ได้ การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือด ส่งผลให้เสียงปืนดังตามแนวชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก
ศูนย์ข้อมูลกะเหรี่ยงรายงานว่า ทหารเมียนมาสูญเสียหนัก ทิ้งศพทหารและผู้บาดเจ็บ ไม่สามารถเก็บกู้กลับไปได้ อย่างไรก็ตาม กองทัพเมียนม่า ยังคงเคลื่อนกว่า 500 นายเข้าสู่แนวรบ เปิดยุทธการเต็มรูปแบบในหลายแนวรบอาทิ ถนนสายใหม่, ถนนสายเก่าข้ามดอน่าภู และพื้นที่แนวเมืองเมียวดี-ซิงยันญีน่อง โดยใช้ปืนใหญ่ขนาด 120 มม. และจรวดหลายลำกล้อง ยิงเปิดทางถล่มและมีการใช้โดรนแบบพลีชีพ โจมตีใส่โรงเรียนสอนภาษากะเหรี่ยงของใน พื้นที่กองพลที่ 7 รัฐกะเหรี่ยง และโดรน 4 ลำทิ้งระเบิดโจมตีด่านตรวจของกองกำลังปลดปล่อยประชาธิปไตยกะเหรี่ยง (DKBA) บริเวณทางแยกถนนกอกตวาน-กอกปะนอ ในเขตรัฐมอญ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
แหล่งข่าว เปิดเผยว่า ทหารเมียนมาต้องการเอาคืน จากกะเหรี่ยงยึดครองพื้นที่ จ.เมียวดี ได้ส่วนใหญ่ แต่ก็ยังไม่สามารถยึดได้ง่ายๆ จึงเลือกใช้วิธีตัดเส้นทางเสบียงหรือตัดเส้นทางการเงินที่พม่าประเมินว่า กะเหรี่ยงจะมีรายได้จากค่าสินค้าผ่านแดนที่ส่งจากประเทศไทย ผ่านสะพานแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก จึงใช้นโยบายตรวจสอบสินค้าทุกชนิดจากประเทศไทยที่ส่งเข้าพื้นที่ชั้นใน หันไปซื้อสินค้าจากประเทศจีนแทน ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม 68 เป็นต้นมา เพื่อไม่ให้กะเหรี่ยงมีรายได้หรือส่วนต่างกำไรจากขายสินค้าไทย
ส่วนการปะทะยังคงเกิดขึ้นในเขตเมืองเมียวดี เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย คือ ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร คงวางกำลังเฝ้าตรวจสถานการณ์ป้องกันการรุกล้ำอธิปไตย