xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำ BGF ถก DKBA ท่ามกลางความคุกรุ่นชายแดนรัฐกะเหรี่ยง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


การประชุมร่วมกันระหว่างผู้นำสูงสุด BGF และ DKBA ที่ฐานบัญชาการใหญ่ DKBA ใกลักับเมืองเมียวดี เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568
MGR Online - ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดนบุกไปคุย ผบ.สูงสุด DKBA หารือความร่วมมือและลดความขัดแย้ง ท่ามกลางสถานการณ์ที่กำลังคุกรุ่นในรัฐกะเหรี่ยง โดยเฉพาะหน้าด่านการค้าชายแดนที่ติดกับประเทศไทย

Karen Information Center รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 ผู้นำระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) รัฐกะเหรี่ยง ได้เดินทางไปประชุมร่วมกับผู้นำกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ (DKBA) ที่เมืองโส่งซีหม่าย ใกล้กับเมืองเมียวดี ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานบัญชาการใหญ่ของ DKBA

ผู้นำ BGF ที่ไปประชุม ได้แก่ พล.ต.ซอติ่นวิน ผู้บัญชาการทางยุทธวิธี และ พล.ต.ซอโมะโต่ง ผู้บัญชาการพื้นที่ ส่วนฝั่ง DKBA ประกอบด้วย พล.อ.ซอสตีล ผู้บัญชาการใหญ่ DKBA พล.ท.ซอฉ่วยวะ รองผู้บัญชาการใหญ่ พล.ท.ซอซานอ่อง หัวหน้านายทหาร พล.จ.จายจ่อละ ผู้บัญชาการ กองพลที่ 1


หัวข้อการประชุม เป็นเรื่องความร่วมมือและลดความขัดแย้งระหว่างกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์กะเหรี่ยงทั้ง 2 กลุ่ม และแนวทางสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นในรัฐกะเหรี่ยง โดยเฉพาะตามแนวชายแดน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการรวมกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่แตกกระจายออกไปหลายกลุ่มหลายก๊ก ให้เป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ไม่มีตัวแทนจากสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง(KNU) เข้าร่วมด้วย

การประชุมครั้งนี้ยังไม่มีมติหรือข้อสรุปที่เป็นรูปธรรม แต่มีรายงานว่า พล.ท.ซอซานอ่อง หัวหน้านายทหาร DKBA ได้บอกว่าในการประชุมครั้งต่อไป นอกจาก DKBA และ BGF แล้ว จะมีการเชิญผู้นำระดับสูงของสภาแห่งชาติกะเหรี่ยงสันติภาพ(KNLA-PC) ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์กะเหรี่ยงอีกกลุ่มหนึ่ง มาร่วมประชุมด้วย

BGF , DKBA และ KNLA-PC ต่างเป็นเคยเป็นกองกำลังติดอาวุธภายใต้ KNU แต่ได้แยกตัวออกมาจากKNU เพื่อเคลื่อนไหวโดยอิสระ มีพื้นที่เคลื่อนไหวส่วนใหญ่อยู่ตามแนวชายแดนที่ติดกับประเทศไทย

DKBA และ KNLA-PC เป็น 2 ใน 10 กองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ร่วมลงนามในสัญญาหยุดยิงทั่วประเทศ(NCA) กับรัฐบาลเมียนมาไปแล้วเมื่อปี 2558 สมัยประธานาธิบดีเตงเส่ง ส่วน BGF เป็นทหารอีกกลุ่มหนึ่งที่แยกตัวออกมาจาก DKBA และแปรสภาพเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน ขึ้นตรงต่อกองทัพพม่า ทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน รวมถึงผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ


การประชุมระหว่าง BGF และ DKBA เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา จัดขึ้นท่ามกลางความเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญหลายด้านซึ่งกำลังเกิดขึ้นในรัฐกะเหรี่ยง ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคง โดยเฉพาะสถานการณ์ที่ด่านการค้าชายแดนเมียวดี ตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

ด้านเศรษฐกิจ หลัง KNU ประกาศตัวเป็นปฏิปักษ์กับกองทัพพม่า และเข้าร่วมเคลื่อนไหวกับ PDF หรือกองกำลังติดอาวุธของรัฐบาลเงา(NUG) ที่ตั้งขึ้นมาโดยอดีตสมาชิกพรรค NLD มีการสู้รบระหว่างกองทัพพม่ากับกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง(KNLA) ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธภายใต้ปีกของ KNU เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของรัฐกะเหรี่ยง


ปลายปี 2566 KNLA และ PDF ได้ประกาศปิดทางหลวงเอเซียหมายเลข 1 (AH 1) ช่วง 28 กิโลเมตร บนเทือกเขาดอนะ จากจังหวัดกอกะเร็ก มายังบ้านปางกาน หรือติงกานหญี่หน่อง ชานเมืองเมียวดี มีการระเบิดทำลายสะพาน ทำให้ถนนช่วงนี้เป็นอัมพาตต่อเนื่องนานเกือบ 2 ปี

การปิดถนน AH 1 สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ส่งออกสินค้าจากประเทศไทยผ่านด่านชายแดนเมียวดี และผู้นำเข้าสินค้าของเมียนมา เพราะด่านชายแดนเมียวดีเป็นช่องทางหลักในการส่งสินค้าจำเป็นหลากหลายชนิดที่คนเมียนมาต้องกิน ต้องใช้ และบริโภคกันทั่วประเทศ

ผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้า จำเป็นต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น โดยยอมจ่ายค่าผ่านทางให้กับกองกำลังติดอาวุธที่รับผิดชอบแต่ละเส้นทาง ส่วนใหญ่เลี่ยงไปใช้เส้นทางอ้อมบนเทือกเขาดอนะ ผ่านบ้านโทะก่อโก ไปยังเมืองกอกะเร็ก ซึ่งเป็นเส้นทางในความรับผิดชอบของ KNLA-PC

อีกส่วนหนึ่งลงไปใช้เส้นทางจากเมืองพะยาโต่งซู ตรงข้ามด่านเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ขึ้นไปยังเมืองตานพยูซะยะ และเมืองเมาะละแหม่ง ซึ่งเป็นเส้นทางที่ DKBA ดูแล


ส่วน BGF ได้เปิดเส้นทางใหม่ ทางจากบ้านแม่ตะวอ ตรงข้ามอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ข้ามแม่น้ำเมยโดยแพขนานยนต์ ผ่านเมืองมายจีงู , กะมามอง ฉ่วยโก่ง จนไปบรรจบกับถนน AH 1 ที่เมืองผาอัน

วันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา พล.อ.อาวุโส โซวิน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองทัพพม่า ได้มีคำสั่งจับรถบรรทุกสินค้าจากประเทศไทยทุกคันที่ข้ามจากด่านชายแดนแม่สอด-เมียวดี โดยให้เหตุผลว่า รถเหล่านี้ไม่มีใบอนุญาตประกอบการค้าชายแดน ที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมตรงให้กับรัฐบาลเมียนมา แต่กลับนำเงินไปจ่ายเป็นค่าผ่านทางให้กับกองกำลังติดอาวุธแทน

ต่อมาไม่ถึงสัปดาห์ วันที่ 18 สิงหาคม ทางการเมียนมาได้สั่งปิดด่านพรมแดนเมียวดี-แม่สอด ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 โดยไม่แจ้งให้ฝั่งไทยรู้ล่วงหน้า และจนถึงวันนี้ ด่านพรมแดนแห่งนี้ก็ยังไม่เปิด

มาตรการของทางการเมียนมาครั้งนี้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ส่งออกสินค้าจากประเทศไทย ทำให้รถบรรทุกหลายร้อยคัน ต้องจอดค้างอยู่บริเวณหน้าด่านชายแดนที่อำเภอแม่สอด เพราะไม่สามารถข้ามไปส่งสินค้ายังฝั่งเมียนมาได้

ด้านความมั่นคง ชายแดนรัฐกะเหรี่ยงที่ติดกับประเทศไทย ตั้งแต่เมืองเมียวดีลงไปถึงเมืองพะยาโต่งซู เป็นพื้นที่ซึ่งกลุ่มจีนเทาจำนวนมากได้เข้ามาใช้เป็นฐานประกอบอาชญากรรมฉ้อโกงผ่านทางออนไลน์ ทั้งคอลเซ็นเตอร์และบ่อนการพนันออนไลน์ สร้างความเดือนร้อนแก่ประชาชนของหลายประเทศ และทางการจีนมีนโยบายชัดเจนว่าต้องการกวาดล้างจีนเทาเหล่านี้ให้สิ้นซาก

กองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ทั้ง BGF และ DKBA ต่างได้รับผลประโยชน์เป็นเม็ดเงินมหาศาลจากการเปิดให้จีนเทาเข้ามาใช้พื้นที่

ที่ผ่านมา ทางการจีน ร่วมกับฝ่ายความมั่นคงของเมียนมาและไทย มีปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งใหญ่ในเมืองเมียวดีมาแล้ว 2 ระลอก ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 และเดือนกุมภาพันธ 2568 สามารถจับกุมชาวต่างชาติที่เข้าไปทำงานให้กับพวกจีนเทาส่งกลับคืนประเทศได้นับหมื่นคน กว่าครึ่งเป็นคนสัญชาติจีน


วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 นายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ได้เดินทางไปพบกับ อู ตานส่วย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เมียนมา ที่กรุงเนปิดอ เพื่อคุยเรื่องการเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมฉ้อโกงทางออนไลน์ตามแนวชายแดน และความร่วมมือ 3 ประเทศ จีน เมียนมา และไทย เพื่อจัดการกับแก๊งจีนเทาเหล่านี้ให้เด็ดขาด

วันที่ 7 กรกฎาคม นายเฉิน เจี้ยนเฟิง รองอธิบดี สำนักงานสืบสวนอาชญากรรม กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ไปร่วมประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมียนมา ที่เมืองเมียวดี

ล่าสุด เมื่อวานนี้(20 ส.ค.) เครื่องบินพาณิชย์จีน 2 ลำ ได้บินมายังสนามบินแม่สอด เพื่อรับจีนเทา 100 คน ที่ถูกส่งข้ามจากเมียวดี เพื่อนำตัวกลับไปดำเนินคดีในจีน

อย่างไรก็ตาม ในพื้นเมียวดี มีจีนเทาที่ยังคงเคลื่อนไหวก่ออาชญากรรมฉ้อโกงผ่านออนไลน์อยู่อีกหลายกลุ่ม และคนในอำเภอแม่สอดเชื่อว่า จีนจะมีปฏิบัติการกวาดล้างใหญ่จีนเทาเหล่านี้เกิดขึ้นอีกครั้งเป็นระลอกที่ 3

ด้านการเมือง หลังจาก KNLA และ PDF ปิดถนน AH 1 มานานเกือบ 2 ปี กองทัพพม่าก็ได้เคลื่อนทัพใหญ่ เสริมกำลังจำนวนมากเข้ามาในพื้นที่ เพราะต้องการเปิดให้ถนน AH 1 กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง

มีรายงานว่า หลังจากรัฐบาลทหารที่นำโดย พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ประกาศให้มีการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศเมียนมาในวันที่ 28 ธันวาคมที่จะถึงนี้ การสู้รบระหว่างกองทัพพม่ากับ KNLA-PDF ที่เมืองกอกะเร็ก ก็ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยกองทัพพม่าสามารถรุกไล่ยึดพื้นที่คืนจาก KNLA-PDF ตามแนวถนน AH 1 ได้มากขึ้น จนใกล้มาถึงบ้านปางกาน ชานเมืองเมียวดีแล้ว




กำลังโหลดความคิดเห็น