xs
xsm
sm
md
lg

กองทัพเรือ นำ IOT ลงชายแดนด้านจันทบุรี-ตราด ดูหลักเขตที่ 73 - เขื่อนดินกัมพูชาที่ยังไม่รื้อถอนแม้ไทยประท้วง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตราด -กองทัพเรือ นำคณะทูตทหารลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน จ.จันทบุรี- ตราด ดูหลักเขต 73 และเขื่อนดินกัมพูชาในทะเลที่ ทร.ประท้วงตลอดแต่ยังไม่รื้อถอน ย้ำจุดยืนสันติภาพ หวังผลักดันแก้ปัญหาค้างคาเข้าที่ประชุมระดับสูงในการประชุม GBC เดือน ก.ย.นี้

เมื่อเวลา 11.50 น.วันนี้ ( 2 ก.ย.) คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observerver Team: IOT) ประกอบด้วย
ผู้ช่วยทูตทหารจาก 8 ประเทศสมาชิกอาเซียนได้แก่ บรูไน, มาเลเซีย, ลาว, อินโดนิเซีย, เมียนมา,ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และเวียดนาม รวม 14 นาย โดยมีหัวหน้าคณะคือ พล.ต. ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย และพล.ต.กรรณ บุญชัย หัวหน้าคณะฝ่ายไทย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์จริงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน จ.จันทบุรีและตราด

เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ พร้อมย้ำเจตนารมณ์ของฝ่ายไทยที่มุ่งสร้างสันติภาพและความสงบสุขเป็นหลัก ขณะที่ปัญหาเรื่องเขื่อนกันคลื่นและเขตแดน ยังเป็นประเด็นที่ต้องเจรจาในระดับสูง ท่ามกลางการเฝ้าสังเกตการณ์การของเจ้าหน้าที่กัมพูชาบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านจามเยี่ยม อ.มณฑลเสมา จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา พร้อมบันทึกภาพการลงพื้นที่ในครั้งนี้ของฝ่ายไทยและคณะฑูตด้วยความสนใจ

โดยคณะทั้งหมดได้ตรวจสอบหลักเขตที่ 73 และมีเจ้าหน้าที่ทหารกองทัพบก อธิบายถึงบริเวณหลักเขตที่ตั้งระหว่างไทยกับกัมพูชา และได้ชี้ให้เห็นถึงตัวอักษาที่บันทึกไว้ในหลักเขตด้วย รวมทั้งเขื่อนดินในฝั่งกัมพูชาที่ยื่นออกไป ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงเดินทางกลับมาที่หน่วยควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 3 (เขาล้าน)เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปในเรื่องสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่ จ.ตราด


พลเรือตรีปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เผยว่าการนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวประจำประเทศไทย ที่มีผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซีย และคณะผู้ช่วยทูตทหารจากอีกหลายประเทศลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คณะฯ ได้เห็นภาพรวมและรับทราบข้อมูลพื้นฐานของสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและตราดอย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้าใจต่อท่าทีของฝ่ายไทยที่ต้องการให้เกิดสันติภาพและความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดนเป็นสำคัญความคืบหน้าการเจรจาและความร่วมมือ

“สำหรับการเจรจาผ่านที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ครั้งล่าสุดถือว่ามีความคืบหน้าไปตามลำดับ โดยฝ่ายไทย ยินดีที่ได้รับการตอบสนองที่ดีจากฝ่ายกัมพูชาในหลายประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเก็บกู้ทุ่นระเบิด: มีการตอบรับที่จะร่วมมือกันในเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Scammer แบะทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะยกระดับความร่วมมือในการแก้ไขปัญหานี้ โดยจะได้นำเสนอเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้”

รองโฆษกกองทัพเรือ เผยว่าสิ่งที่กองทัพพยายามสื่อสารให้คณะผู้สังเกตการณ์ฯ เข้าใจมากที่สุดคือความตั้งใจจริงของฝ่ายไทย และหวังว่าท่านคณะทูตทหารจะสามารถสื่อสารเรื่องนี้กลับไปยังหน่วยเหนือ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความร่วมมือและนำไปสู่สันติภาพของทั้งสองฝ่ายต่อไป

“ส่วนประเด็นปัญหาเขตแดนไทยและหลักเขตที่ 73 ว่าอยู่ถูกต้องหรือไม่นั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องใช้เวลาในการเจรจา จะถูกหารือผ่านกลไกของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้เน้นย้ำถึงจุดยืนบริเวณ หลักเขตที่ 73 โดยชี้แจงว่า หลักเขตดังกล่าวมีมานานแล้ว และฝ่ายไทยขอยืนยันในเขตอธิปไตยของไทยที่ได้แสดงให้เห็นถึงแนวเส้นปฏิบัติการทางทะเลที่ลากจากหลักเขตที่ 73 ซึ่งปรากฏอยู่ใน บันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ซึ่งกองทัพเรือยังคงยึดถือเป็นแนวปฏิบัติการในพื้นที่มาโดยตลอด”


พลเรือตรีปารัช ยังเผยถึงเขื่อนกันคลื่นที่กัมพูชาสร้างไว้ว่า ยังไม่ถูกรื้อถอน เนื่องจากที่ฝ่ายกัมพูชาสร้างขึ้นและยังอยู่บริเวณชายแดน และเป็นเรื่องที่กองทัพเรือติดตามอย่างใกล้ชิด โดยกองทัพเรือได้ดำเนินการประท้วงตั้งแต่เริ่มมีการก่อสร้าง ซึ่งฝ่ายกัมพูชาก็ให้ความร่วมมือโดยการยุติการก่อสร้างไปหลังมีการประท้วง แต่เนื่องจากตัวเขื่อนจะยังไม่ถูกรื้อถอนจึงได้ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำในพื้นที่

ทั้งนี้ แม้ว่า กองทัพเรือ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะได้เข้าแก้ไขปัญหาผลกระทบเบื้องต้นแล้ว แต่เป้าหมายสูงสุดคือต้องการให้มีการรื้อถอนและฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับสู่สภาพเดิม ซึ่งจะต้องเป็นประเด็นในการเจรจาต่อไป

รองโฆษกกองทัพเรือ ยังกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ว่า ฝ่ายทหาร ไม่ว่าจะเป็นกองทัพบกหรือกองทัพเรือ จะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ว่าใครจะมาบริหารประเทศ กองทัพ พร้อมให้ความร่วมมือ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน เพื่อให้ประชาชนทั้งสองฝั่งสามารถอยู่ร่วมกันและทำการค้าขายได้อย่างสงบสุข






















กำลังโหลดความคิดเห็น