ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ลุ้นระทึก! ชะตากรรมทางการเมือง "เอกราช ช่างเหลา" ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ศาลจังหวัดขอนแก่นนัดฟังคำพิพากษาตัดสินคดีบ่ายพรุ่งนี้ (7 ต.ค.) ในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นกว่า 431 ล้านบาท หลังก่อนนี้ ป.ป.ช.ลงมติชี้มูล ส.ส.บัญชีรายชื่อรายนี้ของพรรคภูมิใจไทยฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงกรณีถูกฟ้องคดีอาญาโกงสหกรณ์ครูฯ คดียังคาอยู่ที่ศาลฎีการอการวินิจฉัยตามขั้นตอนกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (7 ต.ค.) เวลา 14.30 น. ศาลจังหวัดขอนแก่นนัดฟังคำพิพากษาตัดสินคดีทุจริตยักยอกเงินฝากของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ที่มีพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เป็นจำเลย หลังจากวันที่ 26 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดขอนแก่นได้กำหนดให้นายเอกราชนำหลักทรัพย์มูลค่า 130 ล้านบาท มาวางประกันหรือนำเงินจำนวน 100 ล้านบาทชำระค่าเสียหายให้กับสหกรณ์ฯ ภายในสิ้นเดือน ก.ค. 2567 แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงกำหนดนายเอกราชกลับเพิกเฉยไม่ได้ดำเนินการตามที่ศาลสั่ง
โดยการนัดตัดสินคดีในครั้งนี้เป็นที่จับตาจากหลายฝ่ายในสังคม เพราะระหว่างที่ถูกฟ้องร้องเป็นคดีความ ตัวนายเอกราชยังเคลื่อนไหวทางการเมืองปกติเหมือนไม่มีความผิดใดๆ ติดตัว และล่าสุดยังได้ส่งนายวัฒนา ช่างเหลา ลูกชาย ที่เพิ่งสอบตกเลือกตั้ง ส.ส.เขต 2 ขอนแก่นครั้งล่าสุดลงชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น
คำพิพากษาตัดสินคดีของศาลในวันพรุ่งนี้ จึงมีความสำคัญอย่างมากว่าจะออกมาในทิศทางใด แต่เชื่อว่าผลคดีที่ออกมาส่งผลกระทบต่ออนาคตทางการเมืองของนายเอกราชและลูกชายอย่างแน่นอนไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะตัวนายเอกราชภาพลักษณ์ที่ผ่านมาค่อนข้างติดลบ
ก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด นายเอกราช ช่างเหลา สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีเมื่อครั้งเป็นผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ได้กระทำการทุจริตยักยอกเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ซึ่งเป็นความผิดทางอาญา จนทำให้สหกรณ์มียอดเงินขาดบัญชีตั้งแต่ปี 2554-2562 เป็นเงินจำนวนถึง 431,826,070.43 บาท
และเพื่อเป็นการปิดบังอำพรางการกระทำความผิดของตนเอง ยังได้ทำการปลอมแปลงรายการในเอกสารสมุดคู่ฝากบัญชีเงินฝากประจำของสหกรณ์ และจัดทำหรือรับรองรายงานสถานะทางการเงินเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีอันเป็นความเท็จ เพื่อให้สหกรณ์และละสมาชิกหลงเชื่อว่าสหกรณ์มียอดเงินคงเหลือตามที่ระบุในเอกสารดังกล่าวจริง เป็นการกระทำต่อเนื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 จนถึงเดือนสิ่งหาคม 2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับแล้ว และนายเอกราชช่างเหลา ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2562
นอกจากนี้ยังมีพฤติการณ์จงใจไม่ชำระหนี้เงินขาดบัญชีที่เกิดจากการกระทำของตนเองคืนให้กับสหกรณ์ฯตามหนังสือรับสภาพหนี้ ฉบับลงวันที่ 27 ธันวาคม 2562 จนในปี 2564 สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ได้ยืนฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดขอนแก่นแก่นในข้อหาเกี่ยวกับการร่วมกันยักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้มีคำสั่งสั่งยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไว้เป็นการชั่วคราว
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเห็นชอบตามสำนวนไต่สวนคดีเบื้องต้นว่า การกระทำของนายเอกราช ช่างเหลา ผู้ถูกกล่าวหา เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยประพฤติตนไม่อยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของประชาชน และกระทำการที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันถือว่ามีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 12 ข้อ 19 ประกอบข้อ 3 วรรคสอง และข้อ 27 วรรคสอง ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 ต่อไป
อย่างไรก็ตาม การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ดังกล่าวยังถือว่าไม่เป็นที่สุด นายเอกราช ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ยังคงสถานะเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอย่างถึงที่สุดออกมา