อุทัยธานี - ชาวไร่มันสำปะหลังทัพทันเข่าแทบทรุด หลังคนเผาไร่อ้อยข้างเคียงซ้ำซาก ไฟลามไหม้ไร่มันฯ วอดเกือบทั้งแปลง สูญเงินกว่า 300,000 บาทไปในพริบตาแต่ไร้คนรับผิดชอบ ซ้ำยังแจ้งความไม่ได้อีก เผยปีที่แล้วก็โดนแต่โชคดีดับกันทัน
หลังชาวบ้านหมู่ที่ 13 บ้านสวนขวัญ ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ร้องเรียนว่าขณะนี้กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกมันสำปะหลังหลายรายกำลังทุกข์ใจกันมาก หลังไฟที่เกิดจากการจุดเผาไร่อ้อยพื้นที่ข้างเคียงลามข้ามถนนเข้ามาไหม้ไร่มันฯ จนเสียหายขาดทุนยับเยิน แถมเจ้าของไร้อ้อยยังอ้างว่าไม่ได้เป็นคนเผา พอเข้าแจ้งความก็ทำได้แค่เพียงลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐานเท่านั้น
วันนี้ (10 ม.ค. 67) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบกับ นายน้อย คำฝอย อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นผู้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าว พร้อมด้วยผู้เสียหายอีก 4 ราย คือ นางสมพร แสงเมือง อายุ 53 ปี นางประยูร จันทมา อายุ 40 ปี นายพิทักษ์ ม่วงเพชร อายุ 38 ปี และ นายติ่ง ม่วงเพ็ชร์ อายุ 45 ปี ซึ่งทั้งหมดเป็นญาติกัน ทำไร่มันสำปะหลังในพื้นที่บ้านสวนขวัญ หมู่ที่ 13 ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน รวมประมาณ 25 ไร่เศษ
นายน้อย และผู้เสียหายอีก 4 รายได้เล่าเรื่องราวให้ฟังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา ไฟได้ลุกลามมาไหม้ไร่มันสำปะหลังที่ปลูกไว้ไปจนเกือบทั้งหมด ทำให้ต้นมันฯ ที่กำลังเติบโตถูกไฟเผาไหม้ลำต้นจนตาย ต้นมันฯไม่สามารถเติบโตได้ต่อไป ต้องเสียผลผลิต ไม่ได้แม้กระทั่งเงินลงทุนกลับคืนมา ซึ่งมันสำปะหลัง 1 ไร่นั้นจะลงทุนอยู่ประมาณ 5,000-10,000 บาท ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก จึงอยากให้มีความรับผิดชอบเกิดขึ้น
นายพิทักษ์ ม่วงเพ็ชร์ อายุ 38 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า หลังเกิดเหตุตนและญาติๆที่ทำไร่มันสำปะหลังพากันเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ตลุกดู่กันแล้ว ซึ่งวันนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ลงมาตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วย เจ้าของไร่อ้อยซึ่งเป็นไร่ต้นเพลิงก็อยู่ด้วยเช่นกัน แต่ทางฝั่งเจ้าของไร่อ้อยปฏิเสธตลอดเวลาว่าไม่ได้เป็นคนจุดไฟเผาไร่อ้อย ขณะที่พนักงานสอบสวนบอกกับทุกคนเพียงว่าต้องทำตามกฎหมายและสอบสวนต่อไปเพราะไม่ใช่เหตุที่เกิดขึ้นแบบซึ่งหน้า ความผิดยังไม่ชัดเจน จึงทำได้แค่ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น
“พอเห็นว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีใครรับผิดชอบต่อการกระทำ ซ้ำยังไม่มีใครให้การช่วยเหลือพวกเราได้เลย จึงตัดสินใจโพสต์วิดีโอ และภาพไร่มันฯ ที่ถูกไฟเผาลงเฟซบุ๊ก เพื่อระบายความอัดอั้นตันใจกับเหตุการณ์ที่ไม่ยุติธรรมในครั้งนี้”
และที่สำคัญ เหตุการณ์จุดไฟเผาอ้อยจนลามมาไหม้ไร่มันสำปะหลังของพวกตนนั้นไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งแรก แต่ตอนนั้นโชคดีที่มีคนอยู่ในไร่จึงดับไฟกันไว้ได้ทัน ไร่มันสำปะหลังเสียหายไป 1 ไร่เศษ แต่ครั้งนี้มันเสียหายเป็นวงกว้างเยอะมากกว่า 20 ไร่ ทำให้พวกตนต้องสูญเสียเงินรายได้ที่ควรจะได้ไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท ซ้ำเงินที่ลงทุนไปในครั้งนี้ก็ต้องสูญกันไปทั้งหมด เพราะไร่มันสำปะหลังที่ถูกไฟไหม้นั้นมีอายุได้ประมาณ 7 เดือน ยังไม่ถึงเวลาที่จะเก็บผลผลิตกันได้ แต่ต้องมาถูกไฟไหม้ต้นจนตายอย่างที่เห็น ต้องรื้อถอนทิ้งลงทุนปลูกกันใหม่ทั้งหมด
“ความจริงแล้วมองว่าเจ้าของไร่อ้อยน่าจะมาเปิดใจคุยกันดีๆ ว่าจะพอช่วยเหลือกันยังไงต่อ จะได้ไม่มีปัญหาอะไรกัน แต่หากนิ่งเฉยแบบนี้ก็จะไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะยังไงครั้งนี้พวกเราทุกคนจะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว” นายพิทักษ์กล่าว