ฤดูหีบอ้อยปี 2566/67 เริ่มแล้วหลังกอน.เคาะ 57 โรงงานทยอยเปิดหีบตั้งแต่ 10 ธ.ค. พร้อมประกาศราคาอ้อยขั้นต้น 1,420 บาทต่อตัน ท่ามกลางนโยบายลดอ้อยไฟไหม้ให้มีอัตราไม่เกิน 25% ของปริมาณอ้อยรวมเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ยังคงเสี่ยงหลังชาวไร่ตบเท้าพบนายกฯ ทำหนังสือถึงเลขาฯ กอน.ยื่นรัฐทวง 120 บาท/ตันสนับสนุนอีกรอบ พร้อมให้กำหนดหักอ้อยไฟไหม้ตันละ 30 บาทจ่ายให้คนตัดอ้อยสด
นายวีระศักดิ์ ขวัญเมือง ตัวแทนชาวไร่อ้อยในคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เปิดเผยว่า กอน.เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ได้เห็นชอบกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2566/67 ที่ 1,420 บาท/ตัน ณ ระดับความหวานที่ 10 ชีชีเอส หรือเท่ากับ 91.43% ของราคาประมาณการอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ ซึ่งแม้ว่าราคาดังกล่าวจะค่อนข้างสูงแต่ชาวไร่เองยังคงเผชิญปัจจัยเสี่ยงหลายด้านทั้งต้นทุนที่แพงจากปุ๋ย ยากำจัดวัชพืช ฯลฯ ค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น การส่งเสริมตัดอ้อยสดที่ยังไม่ชัดเจนถึงเงินช่วยเหลือในฤดูหีบใหม่ รวมถึงความผันผวนของราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกที่จะส่งผลกระทบต่อราคาอ้อยขั้นสุดท้ายอีกด้วย
“ราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกระยะนี้กลับมาอ่อนตัวอีกครั้งเป็นเรื่องที่คงต้องติดตามใกล้ชิด ซึ่งคาดหวังว่าด้วยปริมาณสต๊อกน้ำตาลทรายทั่วโลกยังคงขาดแคลน ประกอบกับไทยเองหากพิจารณาจากในแง่ปริมาณอ้อยที่กอน.ได้กำหนดเปิดหีบ 57 โรงงานทยอยเปิดหีบเริ่ม 10 ธ.ค.เป็นต้นไปก็มีแนวโน้มจะลดต่ำจากฤดูหีบที่ผ่านมาโดยคาดว่าจะอยู่ราว 70-80 ล้านตันเท่านั้นก็จะเป็นอีกส่วนที่ทำให้ราคาตลาดโลกจะขยับขึ้น โดยสิ่งที่ต้องดูคือราคาน้ำมันหากขึ้นสูงบราซิลหันไปผลิตเอทานอลแทนน้ำตาลก็จะทำให้น้ำตาลจะปรับตัวสูงขึ้นอีก” นายวีระศักดิ์กล่าว
สำหรับราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 2565/66 กอน.ได้เห็นชอบกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้ายฤดูการผลิตปี 2565/2566 เป็นรายเขต 9 เขต โดยราคาเฉลี่ยทั่วประเทศในอัตราตันละ 1,209.11 บาท ณ ระดับความหวานที่ 10 ซีซีเอส และให้มีการจัดเก็บเงินตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทรายพ.ศ. 2527 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2565 ให้แก่กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายในอัตรา 19.81 บาท จากชาวไร่อ้อยในสัดส่วน 70% และโรงงานน้ำตาลในสัดส่วน 30% (ฤดูการผลิตปี 2564/2565 จัดเก็บในอัตราตันละ 9.81 บาท และฤดูการผลิตปี 2565/2566 จัดเก็บในอัตราตันละ 10 บาท)
นายพนม ตะโกเมือง อุปนายกชาวไร่อ้อย เขต 7 จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. นายปารเมศ โพธารากุล ประธานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย นำกรรมการสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเขต 7 เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ขอบคุณที่ช่วยพิจารณาเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ราว 8,000 ล้านบาทคิดเป็นอัตราตันละ 120 บาทในฤดูหีบปี 2565/66 ที่ค้างจ่าย อย่างไรก็ตามในปี 2566/67 ที่กำหนดเปิดหีบตั้งแต่ 10 ธ.ค.นี้นั้นได้ยืนยันถึงความจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเงินดังกล่าวเช่นกันในการลดอ้อยไหม้ให้มีอัตราไม่เกิน 25% ของปริมาณอ้อยรวมทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เมื่อ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา 4 องค์กรชาวไร่อ้อยยังได้ยื่นหนังสือเสนอแนวทางดังกล่าวไปยังเลขาฯกอน.แล้วเช่นกัน โดยขอให้สนับสนุนตัดอ้อยสดเช่นเดียวกับใน 3 ฤดูกาลผลิตที่ผ่านมากล่าวคือขอรับการสนับสนุนค่าตัดอ้อยสดตันละ 120 บาทจากรัฐบาลและกำหนดให้มีการหักราคาอ้อยไฟไหม้ตันละ 30 บาทแล้วดำเนินการจ่ายเพิ่มให้แก่ผู้ตัดอ้อยสดเป็นรายโรงงานตามระเบียบที่ใช้เป็นกฎเกณฑ์ถือปฏิบัติมาโดยตลอด โดยเห็นว่าหากล่าช้าความเสียหายและเกิดความขัดแย้งจะมีอีกเช่นฤดูกาลผลิตที่ผ่านมา