xs
xsm
sm
md
lg

ชาวไร่อ้อยเกาะติดที่ประชุม "ครม." วันนี้ลุ้นขึ้นราคาน้ำตาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชาวไร่อ้อยเกาะติด "ครม." วันนี้หวังขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานตามที่คณะทำงานบริหารความสมดุลในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล กระทรวงพาณิชย์เห็นชอบ 2 บาท/กก. ย้ำหากเลือกได้ยังอยากเห็นน้ำตาลไม่เป็นสินค้าควบคุมและปรับขึ้น 4 บาท/กก.ตามต้นทุนที่ตอบโจทย์ยั่งยืนกว่า

แหล่งข่าวจากชาวไร่อ้อย
เปิดเผยว่า 4 องค์กรชาวไร่อ้อย ประกอบด้วย สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน สหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทยคงต้องติดตามการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (14 พ.ย. 66) ถึงการปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานใกล้ชิดหลังจากที่คณะทำงานบริหารความสมดุลในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลกระทรวงพาณิชย์ได้มีข้อสรุปที่จะให้มีการปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงาน 2 บาท/กิโลกรัม (กก.)

“ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ระบุว่าจะเร่งนำเสนอ ครม.ให้ทันวันที่ 14 พ.ย.นี้ก็คงต้องดูว่ารายละเอียดจะเป็นอย่างไร ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นการปรับขึ้นหน้าโรงงาน 2 บาท/กก. จากเดิมที่น้ำตาลทรายขาว และขาวบริสุทธิ์อยู่ที่ 19 และ 20 บาท/กก. ก็จะปรับเป็น 21 และ 22 บาท/กก. ส่วนขายปลีกเป็น 26-27 บาทต่อ กก. ซึ่งก็เข้าใจได้เพราะในแง่กฎหมายแล้วพาณิชย์มีอำนาจในการดูแลราคาขายปลีกเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค” แหล่งข่าวกล่าว

ทั้งนี้ หากถามชาวไร่อ้อยพอใจหรือไม่นั้นก็คงพอใจระดับหนึ่ง เพราะหากเลือกได้ต้องการให้ปรับขึ้น 4 บาท/กก.ตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เดิมที่เกิดจากการหารือทุกฝ่ายที่คำนึงถึงปัจจัยการผลิตที่เพิ่มสูงมาก โดยจะกันเงินรายได้ดังกล่าวคิดเป็น 2 บาท/กก.เข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย (กท.) ที่จะนำไว้รักษาเสถียรราคาในการดูแลการตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ที่มองว่าระยะต่อไปจะได้ไม่ต้องพึ่งพิงงบประมาณจากภาครัฐซึ่งจะยั่งยืนกว่า

อย่างไรก็ตาม เมื่อน้ำตาลกลายเป็นสินค้าควบคุมเช่นนี้เท่ากับว่าจะเป็นการผลักภาระให้ชาวไร่อ้อยต้องไปเรียกร้องในการของบประมาณจากรัฐมาสนับสนุนอีก ซึ่งกลับไปสู่ระบบเดิมๆ ก่อนการลอยตัวราคา โดยชาวไร่ยืนยันหลักการว่าใครบริโภคน้ำตาลก็ควรจะจ่าย และการตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 เกิดจากนโยบายรัฐที่กำหนดขึ้น และที่ผ่านมาได้สนับสนุนวงเงิน 120 บาท/ตันเพื่อลดภาระของชาวไร่อ้อย ซึ่งในฤดูหีบปี 2565/66 ก็ยังคงค้างจ่าย และฤดูหีบใหม่ (2566/67) ก็ยังไม่ชัดเจนทำให้ชาวไร่ต้องออกมาเรียกร้องถือเป็นความยากลำบากของอาชีพเกษตรกร

“การปรับขึ้นราคาดังกล่าวจะมีส่วนในการนำไปคำนวณราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตฤดูหีบปี 2566/67 ที่คาดว่าจะเป็นช่วงกลาง ธ.ค.นี้ที่จะอยู่ราว 1,400 บาท/ตัน ซึ่งอาจมองว่านี่ราคาสูงแต่เมื่อเทียบกับต้นทุนการผลิตของชาวไร่ที่ขึ้นมามากทั้งปุ๋ย ค่าแรง น้ำมัน ยาฆ่าแมลง ฯลฯ ชาวไร่ไม่ได้อะไรมากเลย เมื่อพาณิชย์กลับมาเอาน้ำตาลเป็นสินค้าควบคุมทั้งที่ระเบียบต่างๆ ก็ทำมาเพื่อลอยตัวราคาอยู่แล้ว และตาม พ.ร.บ.อ้อยฯ ก็ให้อำนาจกระทรวงอุตสาหกรรมดูแลราคาหน้าโรงงานให้สะท้อนต้นทุนของชาวไร่อ้อยซึ่งกฎหมายระบุไว้ชัดเจน” แหล่งข่าวกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น