อุทัยธานี - ตำรวจพร้อมฝ่ายปกครอง ตามสอบถึงบ้าน..นักธุรกิจสาวร้องกู้เงินนอกระบบ 200,000 บาท 3 เดือนต้องจ่ายดอกทั้งรายวัน-ราย 5, 7 และ 10 วัน รวมเกือบล้าน พอขาดส่งแค่ 3 วัน โดนขู่จะเผาบ้านถึงอุทัยธานี-ฆ่ายกครัว จนผวา บอกร้องทีม “ชาดา” แล้ว ไม่ได้รับการติดต่อกลับ
กรณีนักธุรกิจสาวจากอุทัยธานีรายหนึ่ง ได้เข้าร้องเพจ “สายไหมต้องรอด” ว่าเป็นหนี้นอกระบบ กู้เงินผ่านชายคนหนึ่งชื่อว่า “นายยะ” ไปเมื่อวันที่ 26 กันยายน 66 ที่ผ่านมา โดยมีการทำสัญญากันหลายฉบับ ทั้งส่งดอกรายวัน รายห้าวัน รายเจ็ดวัน และรายสิบวัน รวมยอดเงินต้น 200,000 บาท โดยต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละ 3,500 บาท รวมระยะเวลาประมาณ 3 เดือน จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ไปแล้ว 940,000 บาท
แต่ตอนนี้ทุกข์ใจมากเนื่องจากถูกข่มขู่เอาชีวิตคนในครอบครัว หลังเจ้าตัวขาดส่งเงินค่าดอกเบี้ยรายวันมา 3 วัน ซ้ำเจ้าตัวยังได้ยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ได้ติดต่อไปที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ จึงทำให้ต้องมาร้องผ่านเพจสายไหมต้องรอดดังกล่าว
ล่าสุดเช้าวันนี้ (7 ม.ค. 67) พ.ต.อ.ภคิน วรรณศรี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหนองฉาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองฉาง ได้ลงพื้นที่ไปพบกับครอบครัวของผู้ร้องเรียนรายนี้ พร้อมกับนายบำรุง วงษ์ปาน กำนันตำบลหนองนางนวล โดยพบกับพ่อ-พี่ชาย และลูกสาวของผู้ร้องเรียนอาศัยอยู่ที่บ้าน
ลูกสาวของผู้ร้องเรียนได้เล่าว่า ตนพอจะทราบเรื่องที่แม่เป็นหนี้เงินกู้นอกระบบอยู่บ้าง รวมทั้งรู้ว่าแม่ไปร้องเพจสายไหมฯ ด้วยเหมือนกัน ซึ่งเหตุผลที่แม่ไปน่าจะเป็นเพราะเป็นห่วงตา (พ่อของแม่) กลัวคนที่ปล่อยเงินกู้จะตามทวงเงินที่บ้านตามที่บอกจริง ซึ่งแม่เคยเล่าว่า..ถูกคนปล่อยเงินกู้รายนี้ข่มขู่ว่าจะมาเผาบ้านบ้าง จะฆ่าทั้งบ้านบ้าง จึงน่าจะทำให้แม่รู้สึกกลัว
ขณะที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีใครมาที่บ้าน แต่เมื่อวานนี้ (6 ม.ค.) มีคนบอกว่ามีคนมาที่บ้าน แต่ตนไม่อยู่บ้านจึงไม่รู้ว่าใครมา แต่มีคนโทรศัพท์มาถามตนเหมือนกันว่าบ้านอยู่ที่ไหน ซึ่งตนเองก็บอกไปว่าบ้านอยู่หนองนางนวล ส่วนตัวแม่นั้นยอมรับเป็นหนี้บ่อยครั้งจริง ทางน้าชาย (พี่ชายของแม่) ก็เคยไปหาหยิบยืมจากคนในหมู่บ้านเพื่อช่วยใช้หนี้ให้กับแม่อยู่บ่อยครั้งแล้วด้วยเหมือนกัน
ด้าน นายบำรุง วงษ์ปาน กำนันตำบลหนองนางนวล เปิดเผยว่า ผู้ร้องเป็นคนในพื้นที่จริง แต่ไม่ได้อยู่ที่นี่มานานกว่า 3 ปีแล้ว ทราบว่าไปทำธุรกิจค้าสัตว์ส่งออกอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ส่วนตัวไม่ค่อยไปพบเจอหรือพูดคุยกับผู้ร้อง เนื่องจากเจ้าตัวนั้นไม่ค่อยได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ แต่ว่าชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านที่นี่
ซึ่งหลังจากที่ตนและตำรวจได้ลงพื้นที่พูดคุยกับครอบครัวของผู้ร้องแล้ว ทางครอบครัวก็ได้ให้ข้อมูลว่าตอนนี้ยังไม่มีใครโทรศัพท์หรือเข้ามาข่มขู่ แต่ทราบจากร้านค้าในหมู่บ้านทั้ง 2 ร้านมาว่ามีคนมาสอบถามบ้านอยู่เหมือนกัน ก่อนหน้าทางพี่ชายของผู้ร้องก็เคยมาหยิบยืมเงินส่งไปให้น้องสาวใช้หนี้จริง
ขณะที่ พ.ต.อ.ภคิน วรรณศรี ผกก.สภ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี กล่าวว่า ทราบเรื่องจากคณะทำงานของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ก่อนที่จะเป็นข่าวแล้ว ซึ่งตอนนั้นก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่มาตรวจสอบทันที ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครมาที่บ้านแต่มีคนมาถามหาตัวผู้กู้ในพื้นที่จริง
และหลังจากที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น ทางตนและเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ก็ได้ลงพื้นที่กันอีกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลกับทาง กำนัน จากพ่อ-พี่ชาย และลูกสาวของผู้แจ้ง ซึ่งทั้งหมดให้ข้อมูลตรงกันว่าตอนนี้ยังไม่มีใครโทรศัพท์ หรือมาที่บ้านเพื่อข่มขู่เอาเงินแต่อย่างใด
“ตัวผู้ร้องนั้นทราบว่าไปทำงานที่กรุงเทพฯ ซึ่งการกู้ยืมเงินดังกล่าวนั้นยังไม่ทราบเหมือนกันว่ากู้ยืมกันที่ไหน ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้น ตอนนี้ได้แจ้งกับครอบครัวไปแล้วว่าหากมีการข่มขู่เกิดขึ้นไม่ว่าทางใดก็ตาม ให้รีบแจ้งกำนัน หรือตำรวจเลยทันที ซึ่งตอนนี้ทาง สภ.หนองฉางก็ได้จัดให้ชุดสายตรวจตำบลเข้ามาดูแลความปลอดภัยให้กับครอบครัวไปจนกว่าเรื่องจะคลี่คลาย” ผกก.สภ.หนองฉางกล่าว