ชายวัย 65 ปี เจ้าของบริษัทชิปปิ้ง ร้องเพจสายไหมต้องรอด หลังกู้เงินนอกระบบ 3 หมื่นบาท จ่ายดอกแล้วกว่า 3 ล้านบาท ยังถูกแก๊งทวงหนี้ตามขู่ฆ่า ต้องหนีออกจากบ้านนอนตามป้ายรถเมล์
วันนี้ (8 ธ.ค.) ที่ ศูนย์ประสานงานเพจสายไหม่ต้องรอด นายวิชัย อายุ 65 ปี เจ้าของบริษัทชิบปิ้งแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี เข้าขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังจากถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบ ตามล่าตัวจน กลับบ้านไม่ได้ ต้องเร่ร่อนนอนตามป้ายรถเมล์ หลังกู้เงินจากยอดหนี้ที่ยืมมาเพียง 3 หมื่นบาท แต่ที่ผ่านมาจ่ายดอกไปแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท
นายวิชัย กล่าวว่า ตนเปิดบริษัทชิปปิ้ง ที่จังหวัดชลบุรี ช่วง ก.ย. 63 แต่ต่อมา เริ่มมีปัญหาเรื่องการเงิน เลยเริ่มหยิบยืมจากญาติ แต่ก็ยังไม่พอใช้ จึงเริ่มกู้เงินนอกระบบ จากป้ายแผ่นป้ายโฆษณาหน้าบริษัท เมื่อ ส.ค. 65 จำนวน 30,000 บาท แต่มีการหักดอกเบี้ยตั้งแต่ครั้งแรกและได้เงินมา 24,000 บาท แต่ยังต้องจ่ายเงินต้นเต็มจำนวนอยู่
จากนั้นก็ทยอยจ่ายดอกเบี้ยทุกวัน ในอัตราหมื่นละ 200 บาท หรือวันละ 600 บาท ผ่านมาซักระยะตนจ่ายไม่ไหว พอขาดส่งเจ้าหนี้จึงแนะนำให้กู้เงินจากเจ้าหนี้รายใหม่ซึ่ง ตนเชื่อว่าเป็นเครือข่ายเดียวกันเพื่อนำเงินมาจ่ายยอดหนี้เก่า แต่เมื่อปิดหนี้เดิมไม่ได้ เจ้าหนี้รายที่ 2 ก็แนะนำให้ไปกู้ จากเจ้าหนี้รายที่ 3 ซึ่งต้องกู้วนอยู่แบบนี้ รวมถึงการการจ่ายดอกก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน รวมถึงเจ้าหนี้บางรายยังให้ตนซื้อมอเตอร์ไซค์เป็นชื่อของตนอีก 2 คัน รวมกว่า 2 แสนบาท แต่ตอนนี้มอเตอร์ไซค์ทั้งสองคันได้ออกนอกประเทศไปแล้ว บางวันต้องจ่ายดอกสูงถึงวันละกว่า 20,000 บาท จนทำให้ลุงเป็นหนี้กับเจ้าหนี้ทั้งหมด 37 เจ้า ภายใน 8 เดือน นับตั้งแต่เดิน ส.ค. 65 แต่ขณะนี้สามารถปิดหนี้ได้แล้ว 8 เจ้า คงเหลืออีก 29 เจ้า โดยใน ขณะนี้จ่ายดอกไปแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท
นายวิชัย กล่าวอีกว่า ตนหยิบยืมเงินมาหมดแล้วทั้งญาติ เพื่อน พี่น้อง และลูกๆ จนหมดหนทาง ทั้งยังต้องคอยหนีเจ้าหนี้ซึ่งหนีมาแล้ว 3 ครั้ง เพราะเจ้าหนี้ข่มขู่ฆ่าและปิดล้อมบริษัท เมื่อไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ ตำรวจก็แนะนำให้ลุงย้ายไปอยู่ในพื่นที่อื่น เพราะกลุ่มเจ้าหนี้เป็นผู้มีอิทธิพล พรรคพวกเยอะ และไม่เกรงกลัวตำรวจในพื้นที่
ซึ่งการหนีมาครั้งนี้ตนได้ไปอาศัยนอนที่วัด ป้ายรถเมล์ รวมถึงโรงพยาบาล โดยต้องแอบอ้างเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน และเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนรู้สึกหมดหนทางเลยคิดจะกระโดดสะพานหวังฆ่าตัวตาย แต่มีคนมาเจอและพูดคุยจึง จึงได้ติดต่อมาขอความช่วยเหลือที่เพจสายไหมต้องรอด
เมื่อถามว่าทำไมถึงไม่ไปกู้ยืมเงินในระบบ นายวิชัย ระบุว่า ขณะนั้นบริษัทเพิ่งเปิด เลยไม่มีหลักทรัพย์ในการไปกู้ และสาเหตุที่ไม่ไปลงทะเบียนแก้หนี้นอกระงบของรัฐบาลก็เพราะกลัวเจ้าหนี้ เนื่องจากตนเห็นข่าวที่มีเจ้าหนี้ไปพังร้านส้มตำ
ด้าน นายเอกภพ กล่าวว่า ในกรณีนี้จะได้ทำเป็นกรณีตัวอย่างในการเจรจาหนี้กับเจ้าหนี้ทั้งหมด โดยจะต้องมาดูยอดเงินกับเจ้าหนี้แต่ละรายว่าลุงได้มีการจ่ายดอกเบี้ยไปแล้วเท่าไหร่ หากมีการจ่ายดอกท่วมต้นไปแล้ว 3-4 เท่า ก็ถือว่าจบ แต่หากรายไหนลุงยังจ่ายดอกไปไม่ท่วมกับมูลหนี้ ก็เอาส่วนที่ยังเป็นหนี้มาพูดคุยกันว่าจะชำระอย่างไร แต่จะต้องคิดดอกเบี้ยในอัตราตามที่กฎหมายกำหนด โดยช่วงบ่ายวันนี้ ทางเพจสายไหมจะพาลุงไปลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบของรัฐบาลที่จังหวัดชลบุรี พร้อมประสานไปยัง พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ให้ดูแลในเรื่องนี้และดำเนินการกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลแก๊งเงินกู้ในพื้นที่ด้วย