กำแพงเพชร - “เสี่ยหรั่ง-เถ้าแก่โรงสีใหญ่” เดินหน้าชนต่อ ยื่นข้อเรียกร้องผ่าน ส.ส.-ส ว.สางปัญหา อคส.ทิ้งกองข้าวเน่าเต็มหน้าโกดัง แถมอ้างไม่ใช่เจ้าของข้าว ทั้งที่เปิดประมูลขาย เบิกสินไหมประกันภัย ลงมาตรวจสอบปีละ 2 ครั้ง
กรณีที่ผู้ประกอบการโรงสีใหญ่ จ.กำแพงเพชรออกมาทวงค่าเช่าคลังสินค้าที่ อคส.ฝากเก็บข้าวสารจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2554/55, ปี 2556/57 และนาปรังปี 2555 ในสต๊อกรัฐบาล เป็นเงิน 336 ล้านบาท และต้องการให้ขนย้ายข้าวที่ยังเหลือออกจากคลังสินค้า ด้าน อคส.ออกมาโต้กลับว่าจ่ายแล้ว 238 ล้านบาท ส่วนที่เหลือยังจ่ายไม่ได้เพราะเป็นข้าวติดคดี ยังไม่ถึงที่สุด หลัง อคส.ฟ้องเรียกค่าเสียหายโรงสีรายนี้รวม 6.2 พันล้านบาท ส่วนข้าวเน่า 2 พันตันไม่ใช่ข้าว อคส. แต่เป็นข้าวของโรงสี และยังเป็นข้าวผิดชนิด ไฟไหม้
ทั้งนี้ นายมนต์ชัย รุ่งชาญชัย เจ้าของโรงสีใหญ่กำแพงเพชร ออกโรงเดินหน้าชนโต้ อคส.ที่อ้างว่าข้าวไหม้-ข้าวเน่าคาคลังเป็นของโรงสี แต่ทำไม อคส.ถึงได้เบิกเงินประกันภัยไปกว่า 10 ล้าน พร้อมยืนยันทุกเรื่องโรงสีฟ้องจนเป็นคดี อคส.มีแต่ฟ้องแย้ง พร้อมถามกลับหยิบตัวเลขเรียกค่าเสียหาย 6 พันล้านมาจากไหน
ล่าสุดนายบัญชา เดชเจริญศิริกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคท้องที่ไทย, ว่าที่ร้อยตรี วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี ส.ว.ได้เดินทางไปที่บริษัทสิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เลขที่ 111 หมู่ 2 ต.ธำมรงค์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร รับมอบเอกสารร้องขอความเป็นธรรมจากนายมนต์ชัย ที่ได้รับความเสียหาย และ บริษัทฯ เสียภาพลักษณ์ จากการที่องค์การคลังสินค้าได้นำข้าวสารที่ถูกไฟไหม้ เน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็น ออกมากองไว้หน้าคลังสินค้า
นายมนต์ชัยยืนยันว่ากรณีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการใช้สอยประโยชน์พื้นที่ภายในคลังสินค้า และบริษัทฯ ได้รับความเสียหาย ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้จากการไม่ได้ใช้สอยบริเวณพื้นที่ตามสัญญาเช่าคลังสินค้า(คลังหลัง A1) ที่ยังเหลืออยู่ในบริเวณดังกล่าว
นอกจากนี้ นายมนต์ชัยได้นำนายบัญชา ส.ส.พรรคท้องที่ไทย ว่าที่ร้อยตรี ส.ว.ดูสภาพกองข้าวเน่าตามที่ได้ร้องขอความเป็นธรรม พร้อมกับอธิบายที่มาที่ไปของกองข้าวดังกล่าว ว่าองค์การคลังสินค้าได้ทำสัญญาเช่าคลังสินค้า (คลังหลัง A1) ของบริษัท สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ตามสัญญาเลขที่ ขส.อคส.03/2562 (คืนข้าวถุง) ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2562 หลัง A1 นาปี 2554/55 เพื่อเก็บข้าวสารปริมาณ รวม 382,636 กระสอบ ซึ่งเป็นทรัพย์สินขององค์การคลังสินค้า
ต่อมาได้มีบริษัท เคซีเอฟ พลังงานสีเขียว จำกัด ประมูลซื้อข้าวสารจำนวนดังกล่าวจากองค์การคลังสินค้า ตามสัญญาซื้อขายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 1/2563 ตามสัญญาเลขที่ คชก.ซข.(อต.)4/2563 และได้ขนย้ายข้าวสารออกจากคลังสินค้าหลัง A1 ของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 ไปเพียงบางส่วน
โดยตามกำหนดการขนย้ายข้าวสารออกจากคลังสินค้าหลัง A1 ของบริษัทฯ วันสุดท้ายคือวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 แต่ปรากฏว่าบริษัท เคซีเอฟ พลังงานสีเขียว จำกัด ยังขนย้ายออกจากคลังสินค้าหลัง A1 ของบริษัทฯ ไปไม่หมดยังคงเหลือข้าวสารอีกจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันข้าวสารที่ยังคงเหลือนั้นองค์การคลังสินค้าได้นำออกมากองอยู่บริเวณข้างคลังสินค้าหลัง A1 ของบริษัทฯ โดยองค์การคลังสินค้ารวมถึงผู้ประมูลซื้อข้าวไม่เคยเข้ามาดูแลรักษา หรือรมยาข้าว หรือกระทำการใดๆต่อข้าวสารที่กองไว้หน้าคลังสินค้าหลัง A1 ดังกล่าว ทำให้ข้าวสารเกิดการเน่าเสีย ส่งกลิ่นเน่าเหม็น
ทั้งนี้ องค์การคลังสินค้ายังได้กระทำการเบิกค่าสินไหมทดแทน จากบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในความเสียหายของข้าวสารที่เกิดไฟไหม้ในสต๊อกสินค้าหลังที่ A1 ตามกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยเลขที่ 1200-108-144385231 โดยบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้ทำการจ่ายค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินจำนวน 10,894,574 บาท แก่องค์การคลังสินค้าแล้ว
ด้านนายบัญชา เดชเจริญศิริกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคท้องที่ไทย กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวไปตรวจสอบทั้งสองฝ่ายทั้งผู้ประกอบการและ อคส. ก่อนจะนำเข้าหารือกับประธานสภาฯ จากนั้นจะนำเข้าสภาฯ เพื่อพิจารณาในเร็ววัน