กำแพงเพชร - เถ้าแก่โรงสี-คลังสินค้าการเกษตรรายใหญ่ตามบี้ซ้ำ..บุกยื่น ป.ป.ช.ลงพื้นที่ตรวจสอบ อคส.ละเว้น ทิ้งข้าวเน่าเสียเหม็นคาหน้าโกดังคลังสินค้า รัฐสูญกว่า 30 ล้านบาท บริษัทเสียภาพลักษณ์ทางธุรกิจมีข้าวเน่า แฉยิบทุกประเด็น
วันนี้ (5 ก.ย. 66) นายมนต์ชัย รุ่งชาญชัย กรรมการบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ประกอบการโรงสี-คลังสินค้าเกษตรรายใหญ่ของกำแพงเพชร ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายพิเชษฐ์ พิมพา ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดกำแพงเพชร
เพื่อขอให้ตรวจสอบความเสียหายข้าวสาร ที่ อคส.กองทิ้งไว้อยู่หน้าคลังของบริษัทสิงห์โตทองฯ เป็นเวลานานกว่า 8 ปี จำนวนประมาณ 20,000 กระสอบ หรือ 2,000 ตัน ปล่อยข้าวเน่าเหม็น เสียภาพลักษณ์บริษัท และรัฐเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
นายมนต์ชัยแจ้งต่อ ป.ป.ช.ว่าข้อเท็จจริง อคส.มาเช่าคลังสินค้าของบริษัทในการเก็บรักษาข้าวสารที่ส่งมอบคืนจากข้าวสารบรรจุถุง เป็นเรื่องของสัญญาเช่าคลังสินค้า ซึ่งรับมอบข้าวที่เหลือจากการปรับปรุงบรรจุถุงเป็นที่เรียบร้อยแล้วอยู่ประมาณ 380,000 กระสอบ หรือ 38,000 ตัน
ต่อมาเดือนพฤษภาคม 2558 ได้เกิดไฟไหม้ในคลังหลังนี้ (คลัง A1) อคส.ได้มาขนย้ายข้าวที่เสียหายจากไฟไหม้ เปียกน้ำจากการดับเพลิงออกมากองไว้ด้านหน้าคลัง ก็จะมีทั้งข้าวดีและข้าวที่เสียหายจากไฟไหม้-การดับเพลิง ประมาณ 4 หมื่นกระสอบ กระทั่งปี 2563 อคส.ได้เปิดประมูลขายข้าวจำนวนนี้ มีผู้ชนะการประมูลได้มาขนย้ายข้าวออกไปแล้ว ยังคงเหลือข้าวสารที่กองอยู่หน้าคลังประมาณ 20,000 กระสอบ หรือประมาณ 2,000 ตัน โดย อคส.ได้เบิกค่าสินไหมประกันภัยข้าวที่เสียหายจากไฟไหม้ไปแล้วกว่า 10 ล้านบาท เป็นจำนวนข้าวประมาณ 417 ตัน
แต่ก็ยังมีข้าวที่เป็นส่วนของ อคส.(ที่ประมูลขายไปแล้ว) ซึ่งเป็นทรัพย์สินของรัฐรวมอยู่ในกองเดียวกัน จำนวนประมาณ 20,000 กระสอบ หรือประมาณ 2,000 ตัน ซึ่งตอนนี้ก็เกิดเน่าเหม็นเสียหาย เพราะองค์การคลังสินค้าไม่เคยมาดูแลรักษา แต่มีการเช็กสต๊อกสินค้าคงเหลือประจำปี ปีละ 2 ครั้ง
องค์การคลังสินค้าออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ข้าวของ อคส.นั้น ถ้าดูสัญญาเช่าคลังเป็นหลักก็รู้ว่าข้าวจำนวนนี้เป็นของ อคส.หรือไม่ ส่วนเรื่องข้าวสารบรรจุถุงก็เป็นหมวกอีกใบหนึ่งที่บริษัทสิงห์โตทองฯ เป็นคู่สัญญากับ อคส.
“เรื่องข้าวสารคลังหลังเอ 1 นั้น อคส.ได้มาเช่าคลังเพื่อรับคืนข้าวสารที่เหลือจากการบรรจุถุง ซึ่ง อคส.ก็มีระเบียบขั้นตอนปฏิบัติในการรับมอบข้าวสารเข้าคลังสินค้ากลางอยู่แล้ว โดยจะมีเซอร์เวเยอร์และหัวหน้าคลังสินค้ามาเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพและรับมอบข้าวเข้าเก็บในคลังสินค้า แล้วถ้าไม่ใช่ข้าวของ อคส. เหตุไฉน อคส.จึงนำข้าวไปเปิดประมูลขายได้ ถ้าไม่ใช่ข้าวของ อคส. แล้วเหตุไฉน อคส.จึงเบิกค่าสินไหมประกันภัยไปกว่า 10 ล้านบาท แล้วถ้าไม่ใช่ข้าวในความดูแลของ อคส. ทำไมต้องมาเช็กสต๊อกข้าวคงเหลือ ถึงปีละ 2 ครั้ง”
นายมนต์ชัยย้ำว่า การปฏิเสธว่าข้าวที่กองทิ้งไว้หน้าคลังนั้นไม่ใช่ข้าวของ อคส. ทาง อคส.ก็ต้องไปไล่เรียงหาความจริง หาผู้รับผิดชอบ กับเจ้าหน้าที่ อคส.ที่เกี่ยวข้องต่อไป ไม่ใช่มาบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบแบบนี้ ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง
นายพิเชฐ พิมพา ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวหลังจากได้รับหนังสือร้องเรียนจากบริษัทสิงห์โตทองไรซ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด ว่า ในประเด็นนี้เป็นการกล่าวหาพนักงานในองค์การของรัฐก็คือองค์การคลังสินค้า ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ก็ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมาย ป.ป.ช.
เบื้องต้นทางสำนักงาน ป.ป.ช.ก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงตามประเด็นที่ร้องเรียน ว่าทาง อคส.ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทำให้สินค้าก็คือข้าวสาร ที่ต้องพิสูจน์ว่าข้าวนี้เป็นข้าวของใครแล้วอยู่ในความรับผิดชอบของ อคส.หรือไม่อย่างไร ซึ่งจะมอบเรื่องให้ทางเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบก่อน ถ้าเป็นข้อเท็จจริงมีมูลเป็นเรื่องการกระทำเรื่องของการละเว้นปล่อยปละละเลยให้ข้าวสารที่มีการกล่าวหานั้นได้รับความเสียหาย ก็ถือว่าอยู่ในความผิด ซึ่ง ป.ป.ช.ต้องรับไว้ดำเนินการต่อไป