xs
xsm
sm
md
lg

อัยการปราบทุจริตฯภาค 9 ฟ้อง จนท.การเงินกรมบังคับคดี จ.ปัตตานี อมเงินหลวง ศาลสั่งจำคุก 90 ปี ชดใช้ 2.2 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง
“โกศลวัฒน์” รองโฆษกอัยการ เผย อัยการปราบทุจริตฯภาค 9 ยื่นฟ้อง จนท.การเงิน กรมบังคับคดี จ.ปัตตานี จนศาลสั่งจำคุก 90 ปี ชดใช้ค่าเสียหาย 2.2 ล้าน เหตุทุจริตปลอมลายเซ็น ผอ.เบิกเงิน 18 ครั้ง 2.8 ล้าน

วันนี้ (29 ส.ค.) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก นายชัยวัฒน์ สุวรรณยอด อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 9 เจ้าของสำนวนคดี ว่า เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบ ภาค 9 จังหวัดสงขลา ได้พิพากษาคดีที่อัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 9 ยื่นฟ้องนางจิรนันท์ แก้วคำ หรือ นางเมษยา ชูสงค์ หรือ นางเมธาวี คีตะเมธา ชูสงค์ เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 4 สำนักงานบังคับคดีจังหวัดปัตตานี กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นเจ้าพนักงาน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจหน้าที่ในการเบิกจ่ายเงิน ทำบัญชีแสดงรายรับรายจ่าย คิดยอดหนี้คิด ค่าธรรมเนียม ถอนการยึด เบิกจ่ายเงินในคดี เงินนอกงบประมาณ รับเงิน ออกใบเสร็จ เบิกจ่ายเงิน งบประมาณและสั่งจ่ายเช็คของตามระเบียบและตามข้อกำหนดที่ผู้เสียหายทำไว้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาปัตตานี โดยมีนายมโหสถ รามรังสฤษฎ์ ผู้อำนวยการเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจลงรายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คของผู้เสียหายร่วมกับจำเลย และจำเลยมีหน้าที่ครอบครองดูเเลรักษา เช็คและเงินงบประมาณตามเช็คของผู้เสียหายตามกฎหมาย ระเบียบ และคำสั่งของทางราชการ

พฤติการณ์คือ เมื่อระหว่างวันที่ 18 มี.ค.2547-27 เม.ย.2549 จำเลยกระทำความผิดทุจริต ต่อหน้าที่ทางราชการ โดยทุจริตเบิกจ่ายเงินของผู้เสียหาย ด้วยวิธีการออกเช็ค ปลอมลายมือชื่อนายมโหสถและร่วมลงลายมือชื่อในเช็คธนาคารดังกล่าวของผู้เสียหาย จากนั้นนำเช็คไปเบิกถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝาก หลายกรรมต่างกัน (รวม18 ครั้ง) จำเลยเบียดบังเอาเงิน เป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต ไม่นำส่งคืนให้แก่ผู้หน้าที่ รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 2,805,391 บาท เหตุเกิดที่ต.รูสะมิแล และต.อาเนาะรู อ.เมืองจ.ปัตตานี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93,147 ให้คืนเงิน 2,805,391 บาท จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยดำรงตำแหน่ง เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 4 สำนักงานบังคับคดีจังหวัดปัตตานี กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจหน้าที่ในการเบิกจ่ายเงินและสั่งจ่ายเช็ค ของผู้เสียหาย ตามระเบียบและข้อกำหนดที่ผู้เสียหายได้ทำไว้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) พยานหลักฐานของโจทก์ที่ไต่สวนมารับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือ เป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย การกระทำของจำเลยจึงเป็น ความผิดตามฟ้อง ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยคืนเงิน 2,805,391 บาท แก่ผู้เสียหาย ข้อเท็จจริง ได้ความตามทางไต่สวนจากคำเบิกความของนายมโหสถและรายละเอียดการคำนวณค่าสินไหมทดแทน ท้ายคำร้องขอส่งเอกสารเพิ่มเติมของโจทก์ว่า ได้มีการชำระหนี้ให้แก่ ผู้เสียหายแล้วเป็นเงิน 561,078 บาท เมื่อนำมาหักออกจากเงินจำนวนดังกล่าวแล้วจึงคงเหลือ 2,244,313 บาท

พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม) การกระทำเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเ จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 18 กระทง เป็นจำคุก 90 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ให้จำเลยคืนเงิน 2,244,313 บาท แก่สำนักงานบังคับคดี จ.ปัตตานี กรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรม
กำลังโหลดความคิดเห็น