พรรคไทยภักดี ออกแถลงการณ์จี้ “กองทัพบก-อัยการสูงสุด” เร่งดำเนินคดี ม.112 “ทักษิณ” ค้านขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นกรณีพิเศษ เหตุมีคดีอีกเพียบ พร้อมยื่นกรมราชทัณฑ์คัดค้าน
วันนี้ (27 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ทำการพรรคไทยภักดี พรรคไทยภักดี แถลงข่าวประกาศจุดยืนที่ชัดเจนต่อกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศไทย เนื่องจากมีการกระทำที่ไม่เกิดความเท่าเทียม และนายทักษิณยังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 โดยแถลงการณ์มีเนื้อหาระบุว่า 1. ขอให้กองทัพบกและอัยการสูงสุด เร่งรัดดำเนินคดีหมิ่นประมาทและคดีความมาตรา 112 กับนายทักษิณ 2. ขอคัดค้านการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการพิเศษเฉพาะรายของนายทักษิณ เนื่องจากยังเป็นนักโทษอันจะเป็นการระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาท ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะนายทักษิณ เกี่ยวข้องกับคดีความ 9 คดี โดยปรากฏคดีที่ศาลยกฟ้องหรือคณะกรรมการป้องกันและปราบการปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยกคำร้องแล้ว 4 คดี และมีคดีที่ศาลมีคำพิพากษาแล้วอีก 4 คดีทั้งหมดและลงโทษจำคุกทั้งหมด 12 ปี แต่มีบางคดีที่โทษจำคุกหมดอายุความ รวมทั้งบางคดีถือว่าจำคุกซ้อนกันและต่อเนื่องจึงเหลือจำคุก 8 ปี
แถลงการณ์ ยังระบุอีกว่า ขณะนี้ยังมีคดีที่ค้างอยู่ในศาลอีก 1 คดี คือ คดีที่กองทัพบกยื่นฟ้องนายทักษิณ หมิ่นประมาท เกี่ยวกับเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองและการยึดอำนาจการปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งกระทบถึงกองทัพบกและคดีนี้กองทัพบกเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ โดยมีฐานความผิดหมิ่นประมาทและกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาตรา 326 และมาตรา 328 โดยคดีมาตรา 326 และ 328 นั้น ศาลได้รับฟ้องแล้วในวันที่ 18 ส.ค. 2558 และศาลอาญาออกหมายจับนายทักษิณเนื่องจากไม่มาศาล และมีการจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว ซึ่งหากได้ตัวแล้วจะขอรื้อคดีขึ้นมาใหม่
อย่างไรก็ตาม ยังมีคดีที่เป็นความผิดร้ายแรงอีก ที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ในการหมิ่นประมาทและดูหมิ่น ซึ่งหมายจับมีอายุความ 15 ปี ซึ่งอัยการสูงสุด มีความเห็นควรสั่งฟ้องนายทักษิณข้อหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดคอมพิวเตอร์ ซึ่งนายทักษิณได้มอบหมายให้ทนายความยื่นขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด โดยขอให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งทบทวนความเห็นดังกล่าวและให้มีการสอบคำให้การพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก ซึ่งขณะนี้รออัยการสูงสุดสั่งการลงมา ดังนั้น จึงขอถามไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าคดีที่ยังเหลือการจำคุกอยู่จะดำเนินการอย่างไร โดยในวันที่ 28 ส.ค. เวลา 10.00 น.รองหัวหน้าพรรคไทยภักดีจะไปยื่นหนังสือคัดค้าน ผ่านอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อคัดค้านการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นคดีเฉพาะบุคคลด้วย