xs
xsm
sm
md
lg

สายมูยังแห่เข้าวัดบางกุ้งขอพรหลวงพ่อนิลมณี ภายในโบสถ์ปรกโพธิ์อันซีนไทยแลนด์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สมุทรสงคราม - นักท่องเที่ยวสายมูยังคงแห่เข้าวัดบางกุ้ง ขอพรหลวงพ่อนิลมณี ภายในโบสถ์ปรกโพธิ์อันซีนไทยแลนด์ จนบางเวลาต้องเข้าแถวยืนรอ โดยเฉพาะช่วงวันใกล้หวยออก จะแน่นกว่าปกติ

วันแรกวันของช่วงวันหยุดยาวเทศกาลเข้าพรรษาและยังเป็นช่วงเวลาใกล้วันหวยออก (31 สก.ค.) ที่วัดบางกุ้ง ต.บางกุ้ง อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาสักการะกราบไหว้ขอพรหลวงพ่อนิลมณีกันอย่างคึกคัก แต่ไม่มากเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ อาจเป็นเพราะว่าเป็นวันหยุดยาววันแรก คาดว่านักท่องเที่ยวอยู่ระหว่างการเดินทาง และคาดว่าในวันเสาร์และวันอาทิตย์นี้นักท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ช่วงค่ำวันนี้มีประชาชนบางตา แต่เจ้าหน้าที่ที่ยืนจัดคิวหน้าประตูโบสถ์ยังคงให้ทุกคนที่ต้องการจะเข้าสักการะหลวงพ่อนิลมณี ต้องเข้าแถวต่อคิวและอนุญาตให้เข้าในโบสถ์ได้ครั้งละ 10 คน เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และยังห้ามถ่ายรูปในโบสถ์อีกด้วย

นายสมศักดิ์ แซ่โค้ว ผู้ดูแลโบสถ์ปรกโพธิ์วัดบางกุ้ง กล่าวว่า นักท่องเที่ยวที่แห่กันมาที่วัดบางกุ้งทุกวันนี้ส่วนใหญ่เป็นสายมูเตลู โดยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีคนมาบนบานต่อหลวงพ่อนิลมณีแล้วสมความปรารถนา จึงนำข้าวต้มมัดมาแก้บน แล้วมีคนถ่ายภาพนำไปโพสต์ในโซเชียล นอกจากนี้ ยังมีคนมาขอโชคลาภแล้วถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 เลข 132903 งวดประจำวันที่ 16 พฤษภาคม 2566 ทำให้มีประชาชนแห่กันมาขอโชคลาภกันอย่างล้นหลาม ยิ่งใกล้วันหวยออกผู้คนจะเยอะทั้งกลางวันและกลางคืน

สำหรับวัดบางกุ้งแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งทางประวัติศาสตร์ ช่วงปี พ.ศ.2308 กองทัพพม่ายกเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ จึงรับสั่งให้หัวเมืองปักษ์ใต้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้ง เรียกว่า “ค่ายบางกุ้ง” เมื่อกองทัพพม่ายกทัพเข้ามาตามลำน้ำแม่กลอง และบุกลงมาจนถึงค่ายบางกุ้ง โดยที่กองทัพของกรุงศรีอยุธยาไม่สามารถต้านทานไว้ได้ค่ายบางกุ้งจึงแตก และพม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตกในปี พ.ศ.2310 ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ล่องเรือจากจันทบุรีมาตียึดค่ายบางกุ้งแห่งนี้คืนได้สำเร็จ และได้กู้เอกราช และสถาปนากรุงธนบุรี

จุดเด่นความสวยงามของวัดบางกุ้ง ที่แตกต่างจากวัดอื่นคือ “โบสถ์ปรกโพธิ์” เป็นโบสถ์มหาอุด ที่คาดว่าอายุมากกว่า 200 ปี มีต้นไม้ใหญ่ 4 ชนิดขึ้นปกคลุม ได้แก่ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร และต้นกร่าง แผ่กิ่งก้านสาขายึดฝาผนังโบสถ์ไม่ให้ทรุดตัวและยังปกคลุมโบสถ์ทั้งหลังไว้อย่างมิดชิด ชาวบ้านเรียกสิ่งมหัศจรรย์นี้ว่า “โบสถ์ปรกโพธิ์” มีรูปทรงเป็นฐานสิงห์ ส่วนหลังคาโค้ง ด้านหลังเรียบ มีประตูทางเข้าออกด้านหน้าเพียงด้านเดียว ส่วนด้านหลังที่มีลักษณะเรียบนั้น หากจะเรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือ “โบสถ์ทรงมหาอุด” เพราะในสมัยก่อนวัดต่างๆ จะนิยมสร้างโบสถ์ลักษณะนี้ไว้สำหรับปลุกเสกเครื่องรางของขลังให้เหล่าทหาร และการใช้ต้นไม้ปิดบังไว้ เข้าใจว่าเพื่อความปลอดภัยและซุกซ่อนสิ่งของมีค่าไว้ให้ปลอดภัยนั่นเอง










กำลังโหลดความคิดเห็น