ศูนย์ข่าวศรีราชา - โฆษกกองทัพเรือ แจงเหตุกระสุนปืนกลแบบ M855 และ M856 นับหมื่นนัดหายจากคลังสรรพาวุธนาวิกโยธิน สัตหีบ พบเป็นการกระทำของคนใน ขณะ ผบ.ทร.สั่งให้ดำเนินการลงโทษให้ถึงที่สุด
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (15 ก.ค.) พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ได้ชี้แจงถึงกรณีที่เพจ CSI LA ได้เปิดเผยเอกสารหลุดของกองทัพเรือ ที่ระบุว่ากระสุนปืนกลแบบ M855 และ M856 นับหมื่นนัด รวมทั้งกระสุนหัวระเบิดแบบ 40 mm อีกนับพันนัด ได้หายไปจากคลังสรรพาวุธของนาวิกโยธิน สัตหีบ ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา
หลังกองทัพเรือได้รับรายงานจากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ว่า กรมสรรพาวุธทหารเรือ ได้ทำการตรวจคลังอมภัณฑ์ กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธิน ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามวงรอบประจำปี
กระทั่งพบว่ามีอมภัณฑ์ยอดขาดจากบัญชีจำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการตรวจสอบจำนวนอมภัณฑ์ที่ขาดไปโดยละเอียด และเมื่อหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน รับทราบ จึงได้ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและสอบถามยามรักษาการณ์จนพบว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่คลังสรรพาวุธของหน่วยที่ลักลอบเปิดคลังหลายครั้ง
และยังมีการนำเอาอมภัณฑ์ออกไปโดยใช้กุญแจที่ลักลอบทำสำรองไว้ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวได้ขาดราชการและไม่สามารถติดต่อได้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.2566
"จากการสอบคำยามรักษาการณ์เข้าใจว่า เป็นการดำเนินการตามหน้าที่ปกติและไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ทางหน่วยได้ให้นายทหารพระธรรมนูญแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานไว้ที่ สภ.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2566 และอยู่ระหว่างเพิ่มเติมพยานหลักฐานดำเนินการตามกฎหมาย รวมทั้งร่วมกันสืบสวนเพื่อติดตามผู้ต้องสงสัยและอมภัณฑ์ที่สูญหายไป"
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งตั้งกรรมการเอาผิดกรณีอมภัณฑ์หายออกจากคลังอาวุธ โดยเน้นย้ำให้มีการลงโทษให้ถึงที่สุดแล้ว และยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง รวมถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางละเมิดเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษต่อไป
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีที่มีเพจบางเพจตั้งคำถามว่า ทำไมกระสุนจำนวนมากถึงหายช่วงนี้ในช่วงที่กำลังมีสงครามในประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นช่วงประชาชนกำลังไม่พอใจกับผลการโหวตเลือกนายกฯ ของ ส.ว. ขอชี้แจงว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด
พร้อมขอให้ระมัดระวังในการนำเสนอข่าวที่อาจกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรวมถึงสร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชนทั่วไปด้วย