ท่าขี้เหล็ก - ตำรวจเมียนมาเร่งตามล่าหนุ่มไทยวัยราว 30-40 ปี ก่อเหตุอุกอาจบุกกราดยิงไม่ยั้ง 1 หญิง 2 ชายชาวพิษณุโลก คาร้านอาหารกลางเมืองท่าขี้เหล็ก บาดเจ็บสาหัส คาดทั้งหมดข้ามไปทำงานสถานบันเทิงก่อนขัดแย้งกันเอง
รายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ที่ตั้งอยู่ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้พยายามออกติดตามจับกุมคนไทยเป็นชายรายหนึ่ง คาดว่ามีอายุตั้งแต่ 30-40 ปี ซึ่งก่อเหตุอุกฉกรรจ์ใช้อาวุธปืนกราดยิงผู้คนจนได้รับบาดเจ็บระนาวภายในร้านอาหารซาเบลล์ ต.สันทราย เมืองท่าขี้เหล็ก เมื่อเย็นวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา
เหตุดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่มีผู้คนพากันไปท่องเที่ยวที่ร้านอาหารดังกล่าวอย่างเนืองแน่นในยามค่ำคืน แต่ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวเดินเข้าไปในร้านพร้อมใช้อาวุธปืนพกสั้นกราดยิงคนในร้านหลายนัด และขณะที่ผู้คนภายในร้านพากันแตกตื่นวิ่งหนีกันอย่างโกลาหล คนร้ายยังคงยืนเหนี่ยวไกยิงคนที่เป็นเป้าหมายอย่างไม่ยั้ง และเป็นที่น่าสังเกตว่าบางครั้งก็จ่อปืนไปยังบางคนที่อยู่ในร้าน แต่ไม่ลั่นไก คาดว่าไม่ใช่เป้าหมายที่คนร้ายต้องการทำร้าย
ขณะก่อเหตุบางช่วงคนร้ายได้ชูมือขึ้นด้วยความฮึกเหิม ขณะที่เหยื่อที่ถูกยิงต่างพากันวิ่งหลบหนีและมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวน 3 คน ทั้งหมดเป็นคนไทย มีภูมิลำเนาอยู่ จ.พิษณุโลก เหมือนกัน ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ปาริชาติ อายุ 28 ปี ถูกยิงเข้าที่ต้นขาขวา 1 นัด และยังมีบาดแผลถูกแทงที่เอวด้านซ้ายอีก 1 แผลด้วย คนที่ 2 ชื่อว่านายอรรถสิทธิ์ อายุ 26 ปี ถูกยิงที่ต้นขาขวาจำนวน 1 นัด และคนสุดท้ายชื่อว่านายภานุชิต อายุ 26 ปี ถูกยิงเข้าที่ต้นขาซ้าย 1 นัด ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดถูกบันทึกได้ด้วยกล้องวงจรปิดภายในร้าน
หลังก่อเหตุคนร้ายได้วิ่งหลบหนีออกจากร้านไปทำให้พลเมืองดีได้พาเหยื่อกระสุนทั้ง 3 คนส่งโรงพยาบาล จ.ท่าขี้เหล็ก โดย น.ส.ปาริชาติ ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากกว่าเพื่อน แต่ยังรู้สึกตัว ส่วนชายที่ได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน อาการปลอดภัยแล้ว
เบื้องต้นทราบว่าเหยื่อกระสุนทั้งหมดเดินทางไปยัง จ.ท่าขี้เหล็ก ด้วยบัตรผ่านแดนชั่วคราวหรือบอเดอร์พาส จากนั้นไปทำงานตามโรงแรมและสถานบันเทิงต่างๆ แต่อาจมีความขัดแย้งกับคนไทยด้วยกันเอง ทำให้อีกฝ่ายตามยิงรายตัว ขณะที่พากันไปดื่มกินอยู่ภายในร้านอาหารดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เมียนมาอยู่ระหว่างติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุมาสอบสวนอยู่
รายงานข่าวแจ้งว่า ในปัจจุบันสถานบันเทิงในท่าขี้เหล็กถูกก่อสร้างขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ทั้งโรงแรม และ KTV (Karaoke Television) ที่มีเพิ่มมากขึ้นกว่า 50 แห่งในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนกลายเป็นแหล่งที่มีคนไทยพากันเดินทางไป โดยเฉพาะช่วงหลังการเปิดด่านพรมแดนไทย-เมียนมา หลังวิกฤตโควิด-19 เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา และสถานบันเทิงต่างๆ รวมถึงส่วนเกี่ยวข้อง เช่น หอพัก ร้านอาหาร ฯลฯ เหล่านี้กลายเป็นแหล่งหลบซ่อนของผู้ต้องหาที่หลบหนีคดีในฝั่งไทยและคนไทยที่ข้ามไปทำงาน จนบางครั้งมีความขัดแย้งกระทบกระทั่งกันจนก่อเหตุในประเทศเพื่อนบ้านดังกล่าว