ท่าขี้เหล็ก - เผย KTV-โอเกะโลกีย์ชายแดนท่าขี้เหล็กที่ผุดเป็นดอกเห็ด กลายเป็นตัวล่อสาวหลากสัญชาติทั้งไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ติดกับค่าตัวหลักหมื่นหลักแสน พบบางส่วนหลงโฆษณาโซเชียล-คำลวงปากต่อปากคล้าย “ตกเขียว” ในอดีต ข้ามแดนหวังทำงาน สุดท้ายโดนส่งต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บังคับเสพยา ค้าประเวณี
ธุรกิจ KTV (Karaoke Television) ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จนหลายคนเรียกเป็น โอเกะโลกีย์ กลายเป็นแหล่งที่ขบวนการค้ามนุษย์หลอกหญิงสาวหลายสัญชาติ รวมถึงสาวไทยข้ามพรมแดนไปทำงาน ผ่านตัวแทนหรือเอเยนต์ทำการชักชวนหญิงสาวที่อยากมีรายได้ดีขั้นต่ำเดือนละกว่า 50,000 บาท และอาจมากกว่านั้น
การชักชวนล่อลวงมีหลากหลายวิธี ทั้งผ่านสื่อโซเชียล เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก TikTok หรือชวนกันปากต่อปากคล้ายยุค “ตกเขียว” ในอดีต ว่าเป็นงานที่ไปให้บริการเพียงการเสิร์ฟเครื่องดื่มอาหาร นั่งคุยกับผู้ไปใช้บริการใน KTV หรือผับต่างๆ
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวหลายรายหลงเชื่อแล้วข้ามพรมแดนไปทำงานจริง เหยื่อส่วนใหญ่มีอายุ 20-30 ปี กลับถูกหลอกให้ค้าประเวณี บางรายถูกจับส่งเข้าร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลายรายถูกบังคับให้เสพยาเสพติด บางรายถูกส่งไปเมืองที่ห่างไกลจากชายแดน เช่น ปางซาง เล้าไก่ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐชาน และกำลังมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจเติบโตขึ้นเช่นเดียวกับ จ.ท่าขี้เหล็ก
ตามข้อมูลจากกรมการกงสุลซึ่งเดินทางไปประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ จ.เชียงราย เมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่า มีเบาะแสคนไทยถูกหลอกผ่านขบวนการดังกล่าวนี้แล้วถึง 140 ราย และสามารถช่วยเหลือกลับมาได้เพียง 63 ราย ล่าสุดส่วนท้องถิ่นไทยได้ร้องขอไปยังฝ่ายพม้าให้ช่วยหญิงไทยที่ถูกหลอกอีก 9 รายด้วย
ปัจจุบันความเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้ใน จ.ท่าขี้เหล็ก มีการก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้าง สถานบันเทิง อาคารพาณิชย์ และ KTV ขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยมีกลุ่มทุนชาวจีนและว้า รวมถึงไทยเข้าไปลงทุน เพราะกลุ่มลูกค้าชาวจีน-ไทยต่างเข้าไปใช้บริการต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง
ลูกค้าที่ไปใช้บริการแต่ละรายพอใจที่จะใช้บริการใน KTV และยินดีจะจ่ายเงินค่ามีหญิงสาวเข้าให้บริการที่มีทั้งสาวไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ตั้งแต่ 3,000 บาท ไปจนถึงหลัก 100,000-200,000 บาท แล้วแต่ระดับหรือเกรดของหญิงสาวคนนั้นๆ จนบางครั้งบางคนได้รับการยกย่องให้เป็นดาว KTV ที่มีค่าตัวนับแสนบาท
สีสันของ KTV ดังกล่าวปรากฏให้เห็นชัดตั้งแต่ก่อนวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้ช่วงปี 2563-2565 หรือกว่า 3 ปีที่มีการปิดชายแดนไทย-พม้า ความเติบโตของธุรกิจบันเทิงในท่าขี้เหล็กทำให้หญิงสาวไทยหลายรายกล้าก่อเรื่องอื้อฉาวด้วยการลักลอบข้ามแดนโดยไม่เกรงกลัวการแพร่ระบาดของโรค
และความเติบโตของธุรกิจ KTV สถานบันเทิงอื่นๆ ใน จ.ท่าขี้เหล็กนี้เอง ที่ได้กลายเป็นแหล่งของขบวนการค้ามนุษย์ที่ล่อลวงหญิงสาวชาวไทยให้ไปทำงานอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันสถานบันเทิงทั้งโรงแรม ผับ และ KTV ใน จ.ท่าขี้เหล็ก รายใหญ่ๆ ยังเป็นที่น่าเคลือบแคลงว่ามีกลุ่มทุนใหญ่รายไหนอยู่เบื้องหลังกันแน่ เพราะแม้จะทราบกันดีว่ามีกลุ่มทุนจีนและว้าเข้าไปลงทุนก่อสร้าง แต่ผู้ที่เปิดหน้าว่าเป็นเจ้าของมักจะเพียงแค่ 1 คน บุคคลคนนั้นจะถือหุ้นเพียงแค่ 10-15%
บางแห่งทั้งกิจการมีผู้ถือหุ้นรวมกันทั้งหมด 4-5 ราย แต่บุคคลภายนอกจะไม่รู้ว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่เหลือเป็นใคร หรือบางแห่งก็บริหารงานโดยกลุ่มทุนผู้ดูแลด้านการลงทุนของเขตปกครองพิเศษที่ 2 (สหรัฐว้า) ที่มีอิทธิพลด้านเศรษฐกิจใน จ.ท่าขี้เหล็ก แต่ก็ปรากฏชื่อผู้บริหารกิจการไม่เกิน 1 คนเช่นกัน
