ศูนย์ข่าวศรีราชา - สตม.แถลงข่าวใหญ่รวบหนุ่มจีนเครือข่ายฟอกเงินแก๊ง call center มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท และยังรวบหนุ่มเกาหลีลอบขนยาเสพติดเข้าแดนโสมผ่านพัสดุ หนีกบดานเมืองพัทยา พร้อมของกลางกว่า 17 ล้านบาท
ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในลักษณะอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมายก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
จนทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวก่อเหตุ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิดนั้น
วันนี้ (31 พ.ค.) พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.ตม. ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายฟอกเงินขบวนการแก๊ง call center ที่มีมูลค่าคามเสียหายกว่า 2,500 ล้านบาท ณ โรงแรมไบรตันพัทยา ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
หลังได้รับการประสานงานจากเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับรายสำคัญคือ MR.XU หรือนายชู (นามสมมติ) อายุ 40 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเป็นผู้รับหน้าที่ฟอกเงินของขบวนการแก๊ง call center ซึ่งที่ตั้งฐานอยู่ในประเทศกัมพูชา มีมูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท
โดย บก.สส.สตม. ได้ทำการสืบสวนติดตามจนทราบว่า MR.XU ถือหนังสือเดินทางสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2563 ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว และได้ซ่อนตัวอยู่ในคอนโดฯ หรูแห่งหนึ่งใน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงเฝ้าดูและติดตามพฤติกรรม
จนพบตัว MR.XU ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน และถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว จึงแสดงตัวขอทำการตรวจค้นตัว และห้องพัก ผลการตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือและบัตรเครดิตจำนวนหลายรายการ จึงได้นำตัวส่งเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
จากการสืบสวนยังทราบว่า MR.XU มีหน้าที่นำเงินที่แก๊ง call center หลอกลวงประชาชนมาเปลี่ยนเป็นเงินสกุลดิจิทัล หรือติดต่อคนที่อยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เข้าซื้อทองคำหรืออสังหาริมทรัพย์ จากการตรวจสอบพบว่า ฟอกเงินให้ขบวนการแก๊ง call center มากกว่า 2,500 ล้านบาท
รวบหนุ่มเกาหลีหนีคดีขนยาเสพติดเข้าแดนโสมผ่านพัสดุ กบดานเมืองพัทยา
และจากกรณีที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ณ กรุงโชล ได้มีปฏิบัติการปราบปรามเพื่อป้องการการระบาดของยาเสพติดบริเวณโดยรอบสถานบันเทิง เช่น ย่านกังนัม และย่านแทวอน และยังจับกุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 70 ราย ยึดของกลางยาเสพติด มูลค่าสูงถึง 620 ล้านวอน พร้อมเงินสด 19.15 ล้านวอน หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 17 ล้านบาท
โดยพบว่า 1 ในขบวนการได้หลบหนีมาประเทศไทย จึงได้ประกาศออกหมายแดงของตำรวจสากล ก่อนประสานมา สตม. เพื่อจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ MR.KIM หรือ นายคิม (นามสมมติ) อายุ 26 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ซึ่ง บก.สส.สตม. ได้ทำการสืบสวนติดตามจนทราบว่า MR.KIM ถือหนังสือเดินทางประเทศเกาหลีใต้ เดินทางเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.2565 ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว และได้หลบช่อนอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่าน ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นั้น
พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. เปิดเผยว่า จากการสืบสวนทราบว่า MR.KIM จะใช้แอปพลิเคชัน "เทเลแกรม" เพื่อติดต่อซื้อขายยาเสพติดกับลูกค้า และเมื่อมีการตกลงสั่งซื้อ MR.KM จะแบ่งยาเสพติดให้มีสัดส่วนที่เล็กลงและนำไปไว้ในสถานบันเทิงที่ลับตาคนที่ได้มีการนัดหมายกับผู้ซื้อไว้ล่วงหน้าเพื่ออำพรางไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเห็น แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
ทั้งนี้ สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามปัญหาอาชญากรข้ามชาติในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน