บุรีรัมย์ - ป้าชาวละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ร้องขอความเป็นธรรมหลานชายวัย 16 ถูก ตร.เตะระหว่างขี่ จยย.กลับจากเที่ยวงานประจำปี เหตุเข้าใจผิดว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่นปาระเบิดป่วนงาน ซี่โครงหัก กระดูกสะโพกแตก ช้ำใน ผ่านไปเกือบ 4 เดือนคดีไม่คืบ วอนให้ความเป็นธรรม ด้าน ตร.ยันทำคดีตรงไปตรงมา ชี้เด็กไม่สามารถชี้ยืนยันได้ว่าใครทำร้าย
วันนี้ (24 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางดวงใจ แสงทอง อายุ 57 ปี และนายเป้ อายุ 16 ปี หลานชาย ซึ่งเป็นชาว อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม โดยอ้างว่านายเป้ หลานชายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพักแห่งหนึ่งทำร้ายร่างกายด้วยการใช้เท้าเตะหน้าอก และลำตัวหลายครั้ง ระหว่างขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากเที่ยวงานประเพณีในพื้นที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 3 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้หลานชายมีอาการบาดเจ็บทั้งกระดูกสะโพกด้านขวาแตก ซี่โครงซ้ายหัก ปากแตก และมีอาการช้ำใน ต้องรักษาตัวที่ รพ.ละหานทรายเกือบ 1 สัปดาห์ และกลับมารักษาตัวต่อที่บ้านอีกเกือบ 2 เดือนปัจจุบันยังเจ็บที่บริเวณสะโพก และซี่โครง แต่หลังจากแจ้งความที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติ ผ่านไปเกือบ 4 เดือนแล้วยังไม่มีความคืบหน้า เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงได้ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อ
นายเป้เล่าว่า เมื่อคืนวันที่ 3 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมาตนได้ขี่ จยย.ไปเที่ยวงานประจำปีที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติกับเพื่อนประมาณ 20 คน กระทั่งช่วงเที่ยงคืนหลังจากงานเลิกก็พากันขี่ จยย.จะกลับบ้าน แต่พอขี่ไปถึงบ้านบัวตะเคียน ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งใกล้กับบ้านที่จัดงานศพ ได้มีกลุ่มวัยรุ่นปาระเบิดปิงปอง และก้อนหินใส่กัน ก็มีตำรวจเข้าไปตรวจสอบระงับเหตุ จังหวะนั้นตนขี่ จยย.ผ่านพอดี ตำรวจอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นกลุ่มที่ก่อเหตุหรือไม่ ตำรวจซึ่งแต่งเครื่องแบบเต็มยศ 1 นาย และแต่งตัวครึ่งท่อนอีก 2 นาย ไล่ตามรถตนเองจนเสียหลักล้มจากนั้นก็ใช้เท้าเตะหน้าอก และลำตัวหลายครั้ง จากนั้นตำรวจก็นำตัวไปที่โรงพักก่อนจะปล่อยตัวออกมา
พอมาถึงบ้านตนก็เล่าให้ป้าฟัง จากนั้นป้าก็พาไปหาหมอที่ รพ. หมอบอกว่ากระดูกสะโพกแตก ซี่โครงหัก และมีอาการช้ำใน จึงให้นอนรักษาที่ รพ.5 วันและออกมารักษาตัวที่บ้านต่ออีกเกือบ 2 เดือน ตนยืนยันว่าไม่ได้ไปร่วมก่อเหตุเพียงแค่ขี่ จยย.จะกลับบ้านเท่านั้น แต่ถูกตำรวจทำร้าย แต่ไม่รู้ว่าตำรวจที่เตะตนเองอยู่โรงพักไหน อยากจะขอความเป็นธรรมด้วย
ด้านนางดวงใจ แสงทอง ป้าผู้เสียหาย บอกว่า ตอนแรกคิดว่าหลานรถล้ม แต่พอหลานเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นและยืนยันว่าคนที่ทำร้ายเป็นตำรวจแต่ไม่รู้ว่าอยู่โรงพักไหน และมีชาวบ้านที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุก็บอกว่าเห็นตำรวจทำร้ายหลานจริงแต่ไม่กล้ามาเป็นพยานให้ ตนจึงพาหลานไปแจ้งความ ที่ผ่านมาตำรวจก็เรียกหลานไปสอบปากคำ 2 ครั้ง และพาไปชี้ตัวที่อัยการ 1 ครั้งแล้วเงียบหายไป ไม่เห็นติดต่อหรือแจ้งอะไรมาให้ทราบอีก เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงได้ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อ และขอให้ทางผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดของตำรวจที่ทำร้ายหลานชาย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมแก่หลานด้วย
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยัง รองผู้กำกับการสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเฉลิมพระเกียรติ ให้ข้อมูลว่า พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอน หลังจากมีการแจ้งความก็ได้ทำการสอบปากคำผู้แจ้งแล้ว 2 ครั้ง และได้พาตำรวจ 10 นายไปให้ชี้ตัวที่อัยการจังหวัดนางรองเนื่องจากน้องยังเป็นเยาวชน แต่ผู้แจ้งไม่สามารถชี้ยืนยันได้ว่าใครเป็นคนทำร้าย แต่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจได้ลงพื้นที่หาข้อมูลในพื้นที่ว่ามีใครเห็นเหตุการณ์หรือไม่ ยืนยันว่าทำคดีอย่างตรงไปตรงมา แต่หากผู้แจ้งหรือผู้ปกครองไม่สบายใจสามารถมาพบเพื่อสอบถามรายละเอียดได้ ซึ่งหากมีพยานหลักฐานชี้ชัดว่ามีการทำร้ายจริงก็จะดำเนินการตามกฎหมาย
