เชียงราย - ไฟไหม้ป่าดอยช้าง หมอกควันคละคลุ้งต่อเนื่อง จนท.ต้องระดมดับกันข้ามวันข้ามคืน ขณะที่ผู้ว่าฯ เชียงรายเมินประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉินฝุ่นควันคลุมชายแดน ชี้เพื่อนบ้านเผาไร่ต้องเสนอระดับรัฐบาลเจรจา
วันนี้ (27 มี.ค. 66) นายชุติเดช กมนณชุตม์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) ที่ 15 (เชียงราย) ได้รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้พื้นที่ดอยช้าง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย จึงไปตรวจสอบพบเกิดไฟไหม้ป่าพื้นที่จุดชมวิวและสุสานบนดอยช้าง ต.วาวี อ.แม่สรวย อย่างหนัก เปลวเพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วจนเกือบถึงถนนที่ชาวบ้านใช้สัญจรไปมา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังกันสกัดตลอดทั้งวัน กระทั่งช่วงเย็นจึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้
นายชุติเดชกล่าวว่า ไฟป่าบนดอยช้างเกิดขึ้นตั้งแต่คืนวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งเกิดขึ้นเป็นวงกว้างและลุกไหม้อย่างหนัก แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่สูงและเมื่อดับไฟครั้งแรกแล้วยังมีการปะทุขึ้นมาอีก ทำให้เจ้าหน้าที่ไฟป่าต้องร่วมกับอาสาสมัครและชาวบ้านเข้าดับไฟอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
ด้านนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้เดินทางไปประชุมที่ที่ว่าการ อ.แม่สาย ชายแดนไทย-เมียนมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง และหมอกควัน พร้อมระบุว่ากรณีมีการขอให้ทางจังหวัดได้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการเผาพื้นที่ทางการเกษตรนั้น คงต้องนำเสนอไปยังรัฐบาลเพราะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แม้ว่าระดับจังหวัดจะมีความสัมพันธ์ต่อกัน แต่สภาพปัญหาเกิดขึ้นในวงกว้าง และประเทศเพื่อนบ้านก็มีความหลากหลายของกลุ่มที่อาศัยอยู่ในเขตนั้นๆ
ส่วนข้อเสนอให้ทางจังหวัดประกาศเขตภัยพิบัติจากภาวะฝุ่นละอองครั้งนี้นั้น ต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจตามมาหลายด้าน โดยมีตัวอย่างการประกาศช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา ขณะที่ปัญหามาจากนอกประเทศซึ่งเราควบคุมไม่ได้ด้วย ดังนั้นจึงจะแก้ไขปัญหาภายในให้ได้ดีที่สุดก่อน ส่วนสถานการณ์ภายนอกประเทศไม่สามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม จะได้รับฟังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับและเพิ่มเติมการทำงานให้มีประสิทธิภาพต่อไป
นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย กล่าวว่า พื้นที่ อ.แม่สายเกิดจุดความร้อนหรือฮอตสปอตน้อยที่สุดและไม่มีการเผา แต่ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 มากที่สุดในรอบ 10 ปี ดังนั้นปัญหาจึงไม่ได้เกิดขึ้นจากในพื้นที่ แต่เกิดจากหมอกควันนอกพื้นที่ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบสภาพอากาศพบว่าจะยังไม่มีลมและพายุเกิดขึ้นในช่วงอีก 1 สัปดาห์นี้ จึงขอให้ประชาชนได้ระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวันด้วย