เชียงใหม่ - "ปลัดจอมแฉ" เตือนภัยพร้อมเตรียมร้อง DSI และตำรวจดำเนินคดี หลังกลุ่มคนต่างด้าวเชียงใหม่เข้าร้องกรณีมีการส่งต่อโฆษณาเชิญชวนผ่านโซเชียลมีเดียในกลุ่มคนต่างด้าว อ้างเจ้าหน้าที่รัฐสามารถช่วยทำบัตรประจำตัวฯ ให้ได้ที่อำเภอเวียงแหง แลกเงินรายละ 40,000-70,000 บาท ตรวจสอบแล้วพบเป็นบัตรปลอมและขบวนการหลอกลวงชัดเจน ย้ำอย่าหลงเชื่อเด็ดขาด ชี้อาศัยช่องโหว่เหยื่อไม่กล้าเอาเรื่องหรือเป็นพยานก่อเหตุซ้ำซาก ลั่นขอลุยเอาผิดให้ได้
นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ และประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้พบว่ามีกลุ่มคนแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐโฆษณาเชิญชวนในกลุ่มคนต่างด้าวว่าสามารถช่วยเหลือในการทำบัตรประจำตัวผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนให้ได้สำหรับคนต่างด้าวที่ไม่มีบัตร แลกกับการเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายรายละ 40,000-70,000 บาท และให้ไปทำบัตรที่อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ โดยคนต่างด้าวกลุ่มหนึ่งได้นำเรื่องมาสอบถามและปรึกษาตัวเองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่อย่างไร เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการหลอกลวงและทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งเบื้องต้นจากการที่ตัวเองตรวจสอบจากภาพถ่ายตัวอย่างบัตรดังกล่าวที่ระบุบ้านเลขที่ว่าอยู่ในอำเภอเวียงแหง พบว่าเป็นบัตรปลอมอย่างแน่นอน เพียงแค่ตกแต่งนำชื่อและภาพถ่ายของบุคคลใส่เข้าไปเท่านั้น ส่วนหมายเลขบัตรและลักษณะบัตร รวมทั้งรายละเอียดต่างๆ ของบัตรไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ จากการตรวจสอบฐานข้อมูลตามที่อยู่ในบัตรพบว่าบ้านเลขที่ดังกล่าวมีอยู่จริง แต่ไม่มีรายชื่อบุคคลตามบัตรตัวอย่างอยู่ในทะเบียนบ้าน จึงเชื่อได้ว่าการโฆษณาเชิญชวนดังกล่าวเป็นการหลอกลวงอย่างแน่นอนและแจ้งเตือนว่าอย่าหลงเชื่อเด็ดขาด
ทั้งนี้ ปลัดอำเภอสันทรายกล่าวด้วยว่า กรณีการหลอกลวงลักษณะดังกล่าวที่มีการแอบอ้างเจ้าหน้าที่รัฐว่าสามารถช่วยทำบัตรประจำตัวฯ ได้นั้นเป็นขบวนการที่ทำกันมานานแล้ว แต่ยังมีผู้เสียหายที่เป็นกลุ่มคนต่างด้าวที่ต้องการมีบัตรประจำตัวฯ ตกเป็นเหยื่อหลงเชื่ออยู่เสมอ เนื่องจากขบวนการที่ก่อเหตุทราบจุดอ่อนและช่องโหว่ดีว่าสำหรับคนต่างด้าวแล้วการมีบัตรประจำตัวฯ มีความสำคัญจำเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้ชีวิตในประเทศไทย เพราะทำให้มีสิทธิในการทำธุรกรรมต่างๆ ได้จึงมักจะหลงเชื่อได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการอ้างเจ้าหน้าที่รัฐสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งไม่แน่ชัดว่าที่จริงแล้วมีส่วนเกี่ยวข้องร่วมขบวนการด้วยหรือไม่ ขณะที่เมื่อผู้เสียหายทราบว่าถูกหลอกลวงก็มักจะไม่กล้าแจ้งความดำเนินคดีหรือเป็นพยาน จึงทำให้ไม่สามารถเอาผิดทางกฎหมายต่อขบวนการดังกล่าวได้และลอยนวลก่อเหตุซ้ำซาก ซึ่งกรณีนี้ตัวเองเตรียมนำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้สืบสวนติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ขณะที่หากมีผู้เสียหายก็จะแจ้งความดำเนินคดีฐานความผิดฉ้อโกงด้วย นอกจากนี้ เตรียมรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ช่วยตรวจสอบด้วย โดยยืนยันว่าจะดำเนินคดีจนถึงที่สุดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายเอาผิดขบวนการนี้ให้ได้
ด้านบุคคลต่างด้าวรายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้นำข้อมูลเข้าสอบถามและขอคำปรึกษาจากปลัดอำเภอสันทราย เปิดเผยว่า ตัวเองอยู่ในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายและมีบัตรประจำตัวฯ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่าในกลุ่มคนต่างด้าวในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มีการส่งต่อข้อมูลโฆษณาเชิญชวนกันในโซเชียลมีเดียกันอย่างแพร่หลายว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐที่สามารถช่วยเหลือทำบัตรประจำตัวผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนให้กับคนต่างด้าวที่ไม่มีบัตรประจำตัวฯ ได้ ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยแล้วหรือเตรียมจะเข้ามา โดยให้ไปทำบัตรได้ในพื้นที่อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ เสียค่าใช้จ่ายรายละ 40,000-70,000 บาท ซึ่งเท่าที่ทราบมีคนต่างด้าวจำนวนหนึ่งที่ไม่มีบัตรประจำตัวฯ หลงเชื่อและจ่ายเงินมัดจำไปแล้วเพื่อทำบัตรดังกล่าว อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวไม่เชื่อถือและไม่แน่ใจว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ทำได้จริงหรือไม่อย่างไร เพราะเป็นห่วงว่าญาติพี่น้องพรรคพวกเพื่อนฝูงจะถูกหลอก จึงนำเรื่องเข้าสอบถามและขอคำปรึกษากับปลัดอำเภอสันทราย พื้นที่ที่ตัวเองอาศัยอยู่ ซึ่งทำให้ทราบว่าบัตรดังกล่าวเป็นของปลอมและทั้งหมดเป็นขบวนการหลอกลวงเงินจากเหยื่อที่หลงเชื่อ โดยจากนี้จะได้ช่วยแจ้งเตือนกลุ่มคนต่างด้าวไม่ให้หลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อ พร้อมทั้งแนะนำให้ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และอยากขอให้เจ้าหน้าที่กวาดล้างปราบปรามขบวนการดังกล่าวด้วย