เชียงใหม่ - นายหน้าแรงงานเชียงใหม่ขึ้นโรงพักดอยสะเก็ดแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดเพิ่มอีก 4 คน เกี่ยวข้องขบวนการรีดเงินกินเปล่าทำบัตรประจำตัวต่างด้าวหัวละ 300-400 บาท พบมีทั้งข้าราชการระดับสูงผู้มีหน้าที่รับผิดชอบที่แจ้งเรื่องให้ทราบและขอความช่วยเหลือตั้งแต่แรกแล้วแต่กลับนิ่งเฉย รวมทั้งนักการเมืองท้องถิ่นนามสกุลดัง พร้อมทหาร ที่ข่มขู่ให้ยอมจ่าย ขณะที่ “ปลัดจอมแฉ” ร่วมเป็นพยาน
ความคืบหน้ากรณีนายหน้าแรงงานต่างด้าวที่จังหวัดเชียงใหม่ร้องเรียนผ่านนายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้ช่วยนายทะเบียนจังหวัดเชียงใหม่ในการปฏิบัติราชการแทนในการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวว่ามีการเรียกเก็บเงินกินเปล่าจากแรงงานต่างด้าวคนละ 300-400 บาท ในระหว่างกระบวนการทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวที่ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ช่วงตั้งแต่วันที่ 9-13 ม.ค. 66 โดยกลุ่มบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่เข้ามาประจำจุดทำหน้าที่ตรวจเอกสาร, จ่ายบัตรคิว และจ่ายบัตรประจำตัวที่ทำเสร็จแล้ว
ทั้งนี้ ให้นายหน้าเป็นผู้รวบรวมเงินจ่ายให้กลุ่มบุคคลดังกล่าว ซึ่งหากไม่ยินยอมก็จะไม่มอบบัตรประจำตัวให้ โดยมีการแอบอ้างว่าเป็นไปตามนโยบายและคำสั่งจากข้าราชการระดับสูงของจังหวัดเชียงใหม่ ที่สั่งการผ่านนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งให้เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งต่อมาวันที่ 18 ม.ค. 66 นายหน้าแรงงานต่างด้าวที่เป็นผู้เสียหายได้นำหลักฐานการโอนเงินเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด ให้ดำเนินคดีต่อผู้ที่เรียกรับเงินเบื้องต้นจำนวน 3 คน เป็นชาย 1 คน และหญิง 2 คน โดยหนึ่งในนี้มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีที่โอนเงินไปให้รวมทั้งหมด 211,660 บาท เป็นเงินค่าธรรมเนียม 44,560 บาท และ เงินกินเปล่า 167,100 บาท ขณะที่นายบุญญฤทธิ์ร่วมเป็นพยานให้ด้วย
วันนี้ (10 ก.พ. 66) ที่สถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ นายกิตติ บัณฑิตอาภรณ์ นายหน้าแรงงานต่างด้าวที่เป็นผู้เสียหาย ที่เข้าแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความเพิ่มเติมให้ดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเรียกเก็บเงินกินเปล่าระหว่างกระบวนการทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวอีก 4 คน หลังจากที่ทราบแล้วว่าเป็นผู้ใด ได้แก่ 1. ข้าราชการระดับสูงของจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ, 2. หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค สาขาเชียงใหม่ ในฐานะผู้ช่วยนายทะเบียนจังหวัดเชียงใหม่, 3. นักการเมืองท้องถิ่นนามสกุลดัง ที่เป็นผู้สั่งการ และ 4. ทหารสังกัดหน่วยงานทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ที่รับงานเป็นการ์ดทำหน้าที่คล้ายคุกคามข่มขู่ ขณะที่นายบุญญฤทธิ์ ได้เดินทางมาด้วยเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวนตามหนังสือเชิญ
โดยนายกิตติเปิดเผยว่า เข้าพบพนักงานสอบสวนในครั้งนี้เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อผู้เกี่ยวข้องอีก 4 คน ได้แก่ ข้าราชการระดับสูงของจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ ที่ตัวเองได้โทรศัพท์ไปแจ้งให้ทราบและขอความช่วยเหลือตั้งแต่แรกแล้วว่ามีการเรียกเก็บเงินกินเปล่า แต่กลับนิ่งเฉยและปล่อยให้มีการเรียกเก็บเงินกินเปล่า ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนเป็นคลิปบันทึกเสียงการพูดคุย, หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค สาขาเชียงใหม่ ที่ปล่อยให้มีการเรียกเก็บเงินกินเปล่า ทั้งที่ทราบเรื่องแล้ว, นักการเมืองท้องถิ่นที่เป็น ส.ท.นามสกุลดังคนหนึ่ง ที่เป็นผู้สั่งการอ้างผู้ใหญ่เข้ามาพูดคุยกับตัวเองถึงที่ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 ให้ยอมจ่ายเงินกินเปล่า โดยมีทหารที่ถูกแจ้งความด้วยในครั้งนี้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาแสดงพฤติกรรมคล้ายข่มขู่ ทำให้ตัวเองเกรงกลัวและยอมจ่ายเงินให้ ซึ่งคดีนี้ยืนยันว่าจะขอดำเนินการตามกฎหมายจนถึงที่สุด
ขณะที่นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้ช่วยนายทะเบียนจังหวัดเชียงใหม่ในการปฏิบัติราชการแทนในการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าว กล่าวว่า ตัวเองได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนในครั้งนี้ตามที่ได้รับหนังสือแจ้งให้มาเป็นพยานในคดีนี้ หลังจากที่ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไปแล้วก่อนหน้า ซึ่งตัวเองได้ให้ปากคำในฐานะพยานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยยืนยันว่าการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวนั้น ต้องเป็นการดำเนินการภายใต้อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานเท่านั้น บุคคลภายนอกไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งเท่าที่ทราบคดีนี้ทาง ป.ป.ช.ได้เข้ามาตรวจสอบแล้ว และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นนายทะเบียนจังหวัดเชียงใหม่ด้วย ได้สั่งการให้ดำเนินการและกวาดล้างอย่างเด็ดขาดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย โดยเบื้องต้นประกอบด้วย กลุ่มบุคคลภายนอกที่เข้ามาตั้งโต๊ะในพื้นที่, กลุ่มการ์ดหรือชายฉกรรจ์ที่ทำหน้าที่คล้ายข่มขู่ ซึ่งทราบว่ามีทหารร่วมอยู่ด้วย และกลุ่มข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐที่อนุญาตหรือปล่อยให้กลุ่มบุคคลภายนอกเข้ามาในพื้นที่แล้วก่อเหตุดังกล่าว
ด้านร้อยตำรวจเอก ธนพัต ภัทรศิริพร พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังเร่งสรุปสำนวน พร้อมรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งใกล้เสร็จแล้ว เพื่อเตรียมที่จะส่งเรื่องให้ทาง ป.ป.ช.ในสัปดาห์หน้า