เชียงใหม่ - นายหน้าแรงงานเชียงใหม่ขึ้นโรงพักชี้ตัวแก๊งรีดเงินกินเปล่าทำบัตรประจำตัวต่างด้าว ยืนยันนักการเมืองท้องถิ่นอยู่เบื้องหลัง โดยเคยลงมาสั่งการเองถึงที่และมีการโทร.มาบอกให้ยุติเรื่องด้วยแต่ไม่ยอม ขณะที่ตำรวจเผยเดินหน้าสอบสวน หากพบหลักฐานข้าราชการระดับสูงเกี่ยวข้อง พร้อมส่ง ป.ป.ช.เอาผิด ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
ความคืบหน้ากรณีนายหน้าแรงงานต่างด้าวในจังหวัดเชียงใหม่ร้องเรียนถูกเรียกเก็บเงินกินเปล่าแลกบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยหรือบัตรสีชมพูรายละ 400 บาท จากค่าธรรมเนียมปกติ 80 บาท โดยมีกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นตัวแทนจากนายหน้ารายหนึ่ง ตั้งโต๊ะเก็บเงินกันอย่างโจ่งแจ้งภายในศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 กรมการปกครอง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ทำให้บรรดาแรงงานที่มาขึ้นทะเบียนต้องเดือดร้อนเสียเงินเพิ่มอย่างไร้เหตุผล ซึ่งนายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอสันทราย จ.เชียงใหม่ ในฐานะผู้ช่วยนายทะเบียนเข้าตรวจสอบพบว่ามีคนนอกมาเปิดโต๊ะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐตามที่ได้รับการร้องเรียนจริง พร้อมได้หลักฐานการโอนเงินให้กับคนกลุ่มนี้อย่างชัดเจน
ต่อมานายหน้าผู้เสียหายได้นำหลักฐานการโอนเงินเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่เรียกรับเงินที่ สภ.ดอยสะเก็ด เป็นชาย 1 คน และหญิง 2 คน โดยหนึ่งในนี้มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีที่โอนเงินไปให้รวมทั้งหมด 211,660 บาท เป็นเงินค่าธรรมเนียม 44,560 บาท และเงินกินเปล่า 167,100 บาท ขณะที่นายบุญญฤทธิ์ได้รวบรวมข้อเท็จจริงและหลักฐานที่มีทั้งภาพถ่ายของกลุ่มบุคคลภายนอกที่มาเก็บเงิน ยื่นรายงานให้ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะนายทะเบียนจังหวัดเพื่อรายงานเหตุการณ์และขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเก็บเงินของกลุ่มบุคคลดังกล่าวหรือไม่
ล่าสุดวันนี้ (20 ม.ค. 66) ที่ สภ.ดอยสะเก็ด อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ นายหน้าผู้เสียหายเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ธนพัต ภัทรศิริพร พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อชี้ตัวผู้ถูกกล่าวหาจากภาพที่บันทึกไว้ขณะตั้งโต๊ะ โดยมีการชี้ตัวยืนยัน 2 ใน 3 ผู้ถูกกล่าวหา ส่วนที่เหลืออีก 1 คนอยู่ระหว่างหาภาพถ่ายมายืนยัน ทั้งนี้ นายหน้าแรงงานที่เป็นผู้เสียหายเปิดเผยว่า กลุ่มคนดังกล่าวเริ่มมาตั้งโต๊ะเก็บเงินช่วงวันที่ 9-16 ม.ค. 66 แต่หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 66 ปรากฏว่าหลังจากนั้นโต๊ะดังกล่าวได้ถูกเก็บออกไปพร้อมกับกลุ่มคนดังกล่าวที่หายไปด้วยเช่นกัน และหลังจากนั้นได้มีนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งใน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โทรศัพท์มาขอให้ยุติการเคลื่อนไหวและหยุดให้ข่าวกับสื่อมวลชน แต่ตนเองยืนยันไปว่าไม่ทันแล้ว โดยได้แจ้งความไว้แล้วและไม่กลัวอิทธิพลใดๆ พร้อมที่จะต่อสู้ถึงที่สุด
ด้านนายบุญญฤทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นขบวนการ โดยในวันที่ 9 ม.ค. 66 ได้มีนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งมาที่ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 พร้อมแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าจะเปิดโต๊ะและส่งคนมาแจกบัตร โดยอ้างว่าเป็นนโยบายของข้าราชการระดับสูงคนหนึ่งที่สั่งการมา ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ไม่มีใครคัดค้านหรือขัดขวาง ส่วนข้าราชการระดับสูงที่ถูกอ้างชื่อจะมีส่วนเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ ขอให้สื่อมวลชนช่วยติดตามหาความจริงอีกทางหนึ่งด้วย
ขณะที่ พ.ต.อ.ธงชัย กรรณิกา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด บอกว่า พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้แล้วและมีการสอบปากคำผู้เสียหายไปแล้ว พร้อมกับที่หลังจากนี้จะเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำเพิ่มเติม สำหรับเรื่องที่มีการอ้างว่ามีนักการเมืองท้องถิ่นหรือข้าราชการเข้ามาเกี่ยวข้อง หากมีพยานหลักฐานก็จะดำเนินคดีทั้งหมดและจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ ส่วนผู้ที่ไม่ใช่ข้าราชการก็ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐในการกระทำความผิด โดยเรื่องนี้ทาง พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กำชับให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย