เชียงใหม่ - “ปลัดจอมแฉ” ลุยตรวจสอบทันควันหลังนายหน้าแรงงานเชียงใหม่ร้องเรียนโดนรีดส่วยทำประวัติและออกบัตรต่างด้าวหัวละ 400 บาท โดยเรียกเก็บเป็นเงินกินเปล่าหน้าตาเฉยไร้ใบเสร็จ อ้างเป็นคำสั่งและนโยบายจากข้าราชการระดับสูงในจังหวัด สั่งการผ่านนักการเมืองท้องถิ่นส่งกลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมทีมงานคุมขบวนการตั้งแต่แจกคิวจนกระทั่งรับบัตร โดยจะยึดเอาไว้จนกว่าจะได้รับเงินครบทุกบาททุกสตางค์ ระบุแต่ละวันยอดรวมหลายแสนบาท คาดเฉพาะช่วงสัปดาห์เดียวที่ผ่านมาฟันไปแล้วหลักล้าน เบื้องต้นเตรียมรวบรวมข้อมูลรายงานให้ผู้ว่าฯ ทราบ
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ตามที่จังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินการตามภารกิจของกรมการปกครองในการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวสัญชาติลาว กัมพูชา เมียนมา และเวียดนาม ที่ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค สาขาจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65-13 ก.พ. 66 นั้น พบว่าอาจจะเกิดความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการดำเนินการ โดยมีข้อมูลว่าตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. 66 เป็นต้นมามีการนำกลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมทีมงานมาเฝ้าประจำอยู่บริเวณจุดที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการออกบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าว และทำการเก็บบัตรที่ออกแล้วเอาไว้ก่อน แล้วเรียกเก็บเงินกินเปล่าแบบไม่มีใบเสร็จจากแรงงานต่างด้าวคนละ 400 บาท นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมจัดทำบัตรคนละ 80 บาท
โดยให้เอกชนที่เป็นนายหน้าตัวแทนที่พาแรงงานต่างด้าวมาทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัว รวบรวมเงินจนครบตามยอดและนำมาจ่ายให้ภายในวันเดียวกันก่อนจึงจะมอบบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวให้ หากไม่ยินยอมจะยึดบัตรเอาไว้ ทั้งนี้ อ้างว่าเป็นไปตามนโยบายและคำสั่งจากข้าราชการระดับสูงของจังหวัดเชียงใหม่ ที่สั่งการผ่านนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งให้เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งตามรายงานข่าวระบุว่าในแต่ละวันมีแรงงานต่างด้าวที่เข้าทำทะเบียนประวัติและบัตรประมาณวันละ 500 คน หรือคิดเป็นจำนวนเงินวันละหลายแสนบาท โดยตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาประเมินว่าน่าจะมีเงินกินเปล่าที่ถูกจัดเก็บไปแล้วนับล้านบาท
วันนี้ (16 ม.ค. 66) ที่ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค สาขาจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้ช่วยนายทะเบียนจังหวัดเชียงใหม่ในการปฏิบัติราชการแทนในการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าว เข้าตรวจสอบการดำเนินการดังกล่าวเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มนายหน้าตัวแทนว่ามีการเรียเก็บเงินดังกล่าว
เบื้องต้นพบว่ามีกลุ่มแรงงานต่างด้าวมารอทำทะเบียนประวัติและทำบัตรประจำตัวเป็นจำนวนมาก รวมทั้งพบว่ามีกลุ่มบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่เข้ามาประจำจุดทำหน้าที่ตรวจเอกสาร, จ่ายบัตรคิว และจ่ายบัตรประจำตัวที่ทำเสร็จแล้ว จึงได้แจ้งให้ทราบว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และยื่นหนังสือแจ้งให้ทางศูนย์บริหารการทะเบียนภาค สาขาจังหวัดเชียงใหม่ ทราบเรื่องแล้ว พร้อมแจ้งกับกลุ่มบุคคลภายนอกดังกล่าวให้ยกเลิกการเข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าวตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (17 ม.ค. 66) ซึ่งนายบุญญฤทธิ์จะเข้ามาทำหน้าที่ผู้ช่วยนายทะเบียนเป็นเวลา 1 วัน โดยทางกลุ่มบุคคลภายนอกตกลงยินยอมที่จะยกเลิกการเข้ามาทำหน้าที่ในวันที่นายบุญญฤทธิ์มาทำหน้าที่ แต่หลังจากนั้นไม่รับปากว่าจะเข้ามาทำหน้าที่อีกหรือไม่
นายบุญญฤทธิ์เปิดเผยว่า การลงพื้นที่เข้าตรวจสอบในครั้งนี้เนื่องจากได้รับการร้องเรียนพร้อมหลักฐานจากนายหน้าแรงงานต่างด้าวรายหนึ่งว่ามีกลุ่มบุคคลภายนอกเข้ามาทำหน้าที่ในกระบวนการทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าว พร้อมกับมีการเรียกเก็บเงินกินเปล่าจากแรงงานต่างด้าวคนละ 400 บาท นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมทำบัตรคนละ 80 บาท ซึ่งหากไม่ยินยอมจะไม่ได้รับบัตรประจำตัว
เบื้องต้นพบว่ามีการให้กลุ่มบุคคลภายนอกเข้ามาทำหน้าที่ในการจ่ายบัตรคิวและจ่ายบัตรประจำตัวจริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะตามหลักการที่ถูกต้องแล้วต้องดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจ่ายบัตรประจำตัวที่ทำเสร็จแล้วนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะต้องเป็นผู้ที่มอบให้กับแรงงานต่างด้าวเจ้าของบัตรโดยตรง ซึ่งการกระทำดังกล่าวเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้มีการเรียกรับผลประโยชน์ได้ ดังนั้นตัวเองในฐานะที่ได้รับคำสั่งแต่งตั้งจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในฐานะนายทะเบียนจังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นผู้ช่วยนายทะเบียน จึงได้แจ้งไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกระบวนการ โดยเฉพาะในวันพรุ่งนี้ (17 ม.ค. 66) ที่ตัวเองจะต้องเข้ามาทำหน้าที่
นอกจากนี้ นายบุญญฤทธิ์เปิดเผยว่า ตามเรื่องที่ได้รับการร้องเรียนมีหลักฐานการโอนเงินชัดเจน เฉพาะนายหน้าแรงงานต่างด้าวที่ร้องเรียนเพียงรายเดียวช่วงสัปดาห์แล้วต้องจ่ายเงินไปแล้วรวมกว่าแสนบาท โดยที่ทางกลุ่มบุคคลภายนอกอ้างกับทางนายหน้าด้วยว่าการเรียกเก็บเงินดังกล่าวนี้เป็นไปตามนโยบายของข้าราชการระดับสูงของจังหวัดเชียงใหม่ ที่สั่งการผ่านนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งที่เป็นหัวหน้าของกลุ่มบุคคลภายนอกดังกล่าวนี้ให้เข้าดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่อย่างไรจะต้องมีการตรวจสอบและพิสูจน์กันต่อไป ซึ่งเบื้องต้นตัวเองจะรวบรวมข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นแล้วรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในฐานะนายทะเบียนจังหวัดเชียงใหม่ได้ทราบและพิจารณา เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาไม่ให้มีผู้อื่นเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์อย่างเด็ดขาด
ขณะที่นายหน้าตัวแทนที่รับจ้างจากแรงงานต่างด้าวในการประสานงานทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าว เปิดเผยว่า ปกติในการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวจะเสียค่าธรรมเนียมทำบัตรคนละ 80 บาท และมีการออกใบเสร็จรับเงินให้ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. 66 เป็นต้นมาได้รับแจ้งจากกลุ่มบุคคลที่เป็นชายฉกรรจ์และทีมงานที่มาทำหน้าที่อยู่บริเวณจุดที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวว่าแรงงานต่างด้าวทุกคนจะต้องจ่ายเงินกินเปล่าให้คนละ 400 บาท ก่อนที่จะรับบัตรประจำตัว ซึ่งหากไม่ยอมจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวจะยึดบัตรประจำตัวที่ทำเสร็จแล้วเอาไว้ อ้างว่าเป็นไปตามนโยบายและคำสั่งมาจากข้าราชการระดับสูงของจังหวัดเชียงใหม่ที่สั่งการผ่านนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งที่เป็นหัวหน้าของกลุ่มบุคคลนี้
ทั้งนี้ กลุ่มบุคคลดังกล่าวนั้นจะเข้ามาทำหน้าที่ตั้งแต่จ่ายบัตรคิวและจบด้วยการจ่ายบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวที่ทำเสร็จแล้ว โดยไม่ว่านายหน้าตัวแทนรายใดที่จะพาแรงงานต่างด้าวมาก็จะต้องทำผ่านกลุ่มบุคคลนี้ทั้งหมด ส่วนการจ่ายเงินกินเปล่านั้นให้นายหน้าเป็นผู้รวบรวมยอดตามจำนวนแรงงานต่างด้าวที่พามาดำเนินการและจ่ายเป็นเงินสดเท่านั้นแบบวันต่อวัน โดยไม่มีใบเสร็จใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งในส่วนของตัวเองรู้สึกว่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้องแต่ก็จำเป็นต้องยินยอม เพราะได้พยายามโทรศัพท์สายตรงถึงข้าราชการระดับสูงรายหนึ่งที่มีการอ้างถึงเพื่อแจ้งและสอบถามเรื่องดังกล่าว รวมทั้งขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบสนองหรือดำเนินการใดๆ จึงไม่อยากมีปัญหา และทำได้แต่เพียงต่อรองขอจ่ายเงินทั้งแบบเงินสดและโอนเข้าบัญชีธนาคาร เนื่องจากยอดแรงงานต่างด้าวที่ตัวเองพามาดำเนินการในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางกลุ่มบุคคลดังกล่าวก็ยินยอม
โดยตลอดช่วงสัปดาห์ตัวเองต้องจ่ายเงินดังกล่าวทุกวันวันละหลายหมื่นบาท รวมเป็นเงินหลักแสนบาทแล้ว ซึ่งยังไม่นับรวมของนายหน้ารายอื่นๆ จึงประเมินว่าเฉพาะช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 9-13 ม.ค. 66 กลุ่มบุคคลดังกล่าวน่าจะได้รับเงินไปแล้วนับล้านบาท ทั้งนี้ ด้วยความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมและเป็นสิ่งไม่ถูกต้องเมื่อมีโอกาสจึงได้เข้าปรึกษาและร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อนต่อนายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอสันทราย เพื่อขอให้ตรวจสอบและดำเนินการกรณีที่มีการเรียกเก็บเงินดังกล่าว โดยขอให้ไม่มีการเรียกเก็บเงินอีกต่อไป และขอให้มีการคืนเงินที่ได้จ่ายไปแล้วกลับมาทั้งหมดด้วย