xs
xsm
sm
md
lg

"ปลัดจอมแฉ" ชี้หลักฐานชัดชี้ตัวอดีตรองนายกฯ เป็นชู้เมียชาวบ้าน-แนะยืดอกรับสารภาพรักษาศักดิ์ศรีบิ๊กมหาดไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - "ปลัดจอมแฉ" จี้อดีตรองนายกฯ ถูกกล่าวหาเป็นชู้ภรรยาชาวบ้าน ยอมรับสารภาพดีกว่าหลังพบหลักฐานต่างๆ ชัดเจน ชี้ยิ่งปฏิเสธยิ่งสร้างความเสื่อมเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเคยดำรงตำแหน่งข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยมาก่อน สมควรทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีบ้าง



ช่วงเที่ยงวันนี้ (10 ม.ค. 66) ที่ที่ทำการไปรษณีย์สันทราย อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) ยื่นหนังสือถึงพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยการจัดส่งผ่านทางไปรษณีย์ เพื่อเสนอแนะขอให้พิจารณาสั่งการดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการลงโทษตามกฎหมายหากพบว่ามีความผิด กรณีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พูดเชิงดูถูกเหยียดหยามผู้ใต้บังคับบัญชาและสถาบันการศึกษาด้วยถ้อยคำหยาบคายในการประชุมผู้บริหารส่วนราชการกระทรวงมหาดไทย และกรณีสั่งการให้จังหวัดภูเก็ตถอนตัวจากการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo 2028 โดยจะทำหนังสือแจ้งนานาชาติให้ทราบด้วย ทั้งที่การเสนอตัวดังกล่าวดำเนินการตามความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตั้งแต่ปลายปี 2564 ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจจะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ

โดยปลัดอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) แสดงความเห็นกรณีมีการเปิดโปงว่าอดีตรองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งกระทำผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรงด้วยการเป็นชู้กับภรรยาผู้อื่นว่า ขณะนี้หลักฐานค่อนข้างชัดเจนว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นผู้ใด ซึ่งนอกจากจะเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีแล้วยังเป็นอดีตข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยที่เคยปฏิบัติหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อบ้านเมืองจนถูกลงโทษจำคุกมาแล้ว ทั้งนี้ แม้กรณีที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ทางผู้ถูกกล่าวหาจะยืนยันปฏิเสธว่าไม่ใช่ตัวเอง แต่หลักฐานต่างๆ ก็ชัดเจน จึงอยากให้ยอมรับสารภาพและชี้แจงจะดีกว่า เพราะการปฏิเสธนั้นยิ่งสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงและศักดิ์ศรีมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ผู้ถูกกล่าวหาเคยเป็นข้าราชการระดับสูงมาก่อนจึงยิ่งสมควรทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีด้วย ในเรื่องของการทำผิดและยอมรับสารภาพผิดอย่างมีศักดิ์ศรี


ขณะเดียวกัน นายบุญญฤทธิ์กล่าวถึงการยื่นหนังสือเสนอแนะถึงนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ว่า เพื่อขอให้พิจารณาสั่งการตรวจสอบว่าการกระทำของปลัดกระทรวงมหาดไทยตามที่ปรากฏเป็นข่าวทั้ง 2 กรณีนั้นเป็นการกระทำขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และฝ่าฝืนกฎหมายและระเบียบของทางราชการหรือไม่ โดยหากพบว่ามีความผิดก็ขอให้สั่งการลงโทษตามกฎหมาย เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานและแบบอย่างที่ดี โดยในกรณีการพูดจาดูถูกเหยียดหยามด้วยถ้อยคำหยาบคายนั้น การที่ข้าราชการระดับสูงประพฤติปฏิบัติเช่นนั้นในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ถือว่าไม่ได้เป็นแบบอย่างที่ดีและสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้แก่หน่วยงานราชการอย่างมาก จนถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักและทวงถามหาความรับผิดชอบ รวมทั้งเห็นควรว่าต้องมีการพิจารณาลงโทษ ซึ่งเบื้องต้นทางกรรมการสิทธิมนุษยชนได้มีการพิจารณาและระบุแล้วว่าการกระทำดังกล่าวละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเกียรติยศชื่อเสียงของผู้อื่นด้วยการใช้ถ้อยคำในลักษณะดูหมิ่น เหยียดหยามและลดทอนคุณค่า ตลอดจนสร้างผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจหรือเกียรติยศของผู้อื่นอันไม่สอดคล้องตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 4

ขณะที่กรณีปลัดกระทรวงมหาดไทยสั่งการในการประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายของรัฐบาล และภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ให้จังหวัดภูเก็ตถอนตัวจากการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo 2028 นั้น ถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการที่ขัดแย้งกับมติคณะรัฐมนตรี และยังไม่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งข้าราชการพลเรือนต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ และปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พ.ศ. 2551 ว่าด้วยวินัยและการรักษาวินัย โดยการกระทำนี้ยังอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงตามมาด้วย ดังนั้นจึงอยากเสนอแนะและร้องขอให้นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดินได้พิจารณาสั่งการตรวจสอบทั้ง 2 กรณี และลงโทษอย่างเด็ดขาดหากพบความผิด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างและรักษาความถูกต้อง


กำลังโหลดความคิดเห็น