xs
xsm
sm
md
lg

ตำรวจภาค 5 โชว์รวบเครือข่ายโจรกรรมรถยนต์ส่งขาย ปท.เพื่อนบ้าน ยึดของกลางเพียบ-เร่งขยายผลถึงนายทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - ตำรวจภาค 5 โชว์ผลงานรวบเครือข่ายแก๊งโจรกรรมรถยนต์ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน รวบ 4 ผู้ต้องหา พร้อมของกลางรถยนต์ 8 คัน รถจักรยานยนต์ และเงินสดเกือบ 1.3 ล้านบาท พบประวัติโชกโชน ทั้งเช่าแล้วเชิด, จ้างให้คนไปเช่าซื้อรถใหม่แล้วหนี และซื้อขายรถหลุดจำนำ เตรียมขยายผลเอาผิดให้ถึงตัวนายทุน


วันนี้ (31 ม.ค. 66) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 พลตำรวจโท ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมพลตำรวจตรี วรพงศ์ คำลือ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการจับกุมเครือข่ายโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน โดยจับกุมผู้ต้องหา 4 คน ได้แก่ นายศุภวิชญ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ชาวอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่, นายสุมิตร (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ชาวอำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่, นางสาวปวีณา (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ชาวอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน และนางสาวตวงพร (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ชาวอำเภอเมือง จังหวัดลำพูน พร้อมของกลางรถยนต์ 8 คัน, รถจักรยานยนต์ 1 คัน และเงินสด 1,295,000 บาท

ทั้งนี้ การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 66 เวลาประมาณ 14.00 น. มีคนร้ายเป็นผู้หญิง แสดงชื่อใช้บัตรประชาชนและใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ซึ่งเป็นบัตรปลอมในการทำสัญญาเช่ารถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีน้ำตาล ทะเบียน 5 กย 9016 กรุงเทพฯ ที่บริเวณโรงแรมบีทู สาขามหิดล ในตัวเมืองเชียงใหม่ หลังจากส่งมอบรถแล้วคนร้ายได้ตัดสัญญาณ GPS ของตัวรถเช่า ซึ่งเมื่อเจ้าของรถทราบเรื่องจึงไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่ปิง และกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ได้เข้าทำการสืบสวนในเรื่องนี้


กระทั่งวันที่ 14 ม.ค. 66 เวลาประมาณ 11.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวนายศุภวิชญ์ พร้อมกับรถยนต์คันดังกล่าวได้ที่บริเวณบนถนนสายเลียบคันคลองชลประทาน ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ และจากการขยายผลในที่เกิดเหตุสามารถจับกุมตัวนายสุมิตร พร้อมรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน 6 กส 9804 กรุงเทพฯ ได้ที่ลานจอดรถปั๊มน้ำมัน ปตท.สาขาแม่มาลัย ตำบลขี้เหล็ก อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง พร้อมยึดรถยนต์ของกลางส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่ปิง ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร”

จากการสืบสวนขยายผลกลุ่มขบวนการสามารถขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ ออกหมายจับนางสาวปวีณา และนางสาวตวงพร บุคคลผู้มาทำธุรกรรมการเช่ารถ, แสดงบัตรประชนชนและใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ปลอม และเป็นผู้ถอดอุปกรณ์ GPS รถคันดังกล่าว จนกระทั่งในวันที่ 20 ม.ค. 66 สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาหญิงทั้งสองคนส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลกลุ่มขบวนการเพิ่มเติม เพื่อเอาผิดกลุ่มนายทุน ทั้งที่อยู่ภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร รวมถึงผู้ร่วมขบวนการที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามลำดับ ทั้งนี้ ได้ร่วมกันทำการตรวจยึดของกลางเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบและหาความเชื่อมโยงในการกระทำความผิด


สำหรับรูปแบบการกระทำความผิดของเครือข่ายนั้น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีก่อเหตุ 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. เช่าแล้วเชิด โดยทำการเช่ารถตามร้านเช่า มีทั้งที่แสดงตัวตนตามบัตรประชาชนจริง และปลอมแปลงเอกสาร เพื่ออำพรางตัวตน จากนั้นตัดสัญญาณ GPS แล้วนำรถไปขายต่อ, 2. จ้างให้ไปเช่าซื้อรถ ซึ่งคนร้ายจะจ้างวานให้ผู้ที่มีศักยภาพทางการเงินไปกู้ซื้อรถจากโชว์รูม หรือเต็นท์รถ โดยผู้นั้นยินยอมรับค่าจ้างเป็นเงินสดแลกกับการขาดทุนจากการผ่อนชำระค่างวดรถรายเดือน จากนั้นจะนำรถออกจำหน่ายข้ามแดน และ 3. รถหลุดจำนำ โดยคนร้ายจะนำรถที่มีผู้นำมาจำนำไว้ ซึ่งอาจผิดนัดชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยไปขายในราคาถูกอีกทอดหนึ่ง

โดยขอประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนภัยว่า กรณีผู้ให้เช่ารถนั้นต้องตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนว่าเป็นของจริงหรือไม่ ภาพในบัตรประจำตัวประชาชนตรงกับผู้มาเช่าหรือไม่ มีการปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนหรือไม่ เมื่อเช่ารถเสร็จแล้วก่อนส่งมอบรถควรถ่ายภาพผู้มาเช่าคู่กับรถ และให้ผู้เช่าถอดมาสก์ แว่นตากันแดด หมวกให้เรียบร้อยก่อนส่งมอบรถ และหามาตรการการป้องกันแก้ไขกรณีคนร้ายตัดสัญญาณ GPS ส่วนกรณีการรับจ้างให้ไปเช่าซื้อรถนั้น ผู้รับจ้างจะต้องโดนดำเนินคดีหากมีการนำรถไปกระทำผิดกฎหมายเนื่องจากเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ และกรณีการรับจำนำรถนั้น ผู้รับจำนำอาจถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน ลักทรัพย์ ยักยอก หรือรับของโจรได้ เนื่องจากอาจเป็นรถที่ใช้กระทำความผิดมา










กำลังโหลดความคิดเห็น